โควิดคลาย ท่องเที่ยว ราคาน้ำมันทรงตัว ดันเศรษฐกิจไทยฟื้น
ม.หอการค้าไทย เผย ไตรมาส 4 เศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว จากแรงหนุนโควิดคลาย ท่องเที่ยว บาทอ่อน ราคาน้ำมันทรงตัว คงจีดีพีไทยปี 65 อยู่ที่ 3.3 -3.5 % ขณะที่ผลสำรวจโพล์ลอยกระทง 8 พ.ย. พบ คึกคักรอบ 5 ปี เงินสะพัด 9.7 พันล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯมองว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว จากปัจจัยเสี่ยงที่คลี่คลายไปทั้งสถานการณ์โควิด-19 ประชาชนเริ่มคลายกังวลเป็นสถานการณ์ที่เริ่มควบคุมได้ รวมทั้งให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น อีกทั้งไทยมีการเปิดประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ขณะที่การจับจ่ายใช้สอยเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เริ่มเดินทางท่องเที่ยว และราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัวแม้จะอยู่ในระดับสูงโดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 90-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งไม่ได้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่รุนแรง โดยราคาน้ำมันเบนซินของไทยก็เคลื่อนไหวตามราคา ตลาด ส่วนราคาดีเซลรัฐบาลก็ตรึงราคาไว้ 35 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อช่วยในเรื่องของโลจิสติกส์ และการผลิต ทำให้ประชาชนสามารถรับได้และเอื้อต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ส่วนเงินค่าบาทที่อ่อนค่าแตะ 38 บาทต่อดอลลาร์ก็ไม่ได้เป็นข้อเสียหายมากต่อระบบเศรษฐกิจ และไม่กระทบต่อเงินเฟ้อให้รุนแรง ในทางกลับกันก็ส่งผลดีต่อการส่งออก ที่ปีนี้คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัว 7- 8 % ซึ่งจะเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจของไทยที่สำคัญ นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังหนุนให้ชาวต่างชาติมาเที่ยวไทยมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ประกอบกับการเป็นเจ้าภาพเอเปคก็จะมีผู้เข้าร่วมประชุม สื่อมวลชน เดินทางมามากเช่นกัน ทำให้ช่วยเป็นแรงผลักดันภาพลักษณ์ของประเทศทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเดือนละ 1- 2 ล้านคน ก็จะทำให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวจำนวน 10 ล้านคน
“ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ศูนย์ฯมองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ซึ่งในช่วงจากนี้ไปจนถึงเทศกาลปีใหม่จะคึกคักและดีขึ้นจากการจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยว แม้ว่าภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ยังมีความกังวลในสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าที่เข้าสู่ภาวะถดถอย จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อสูง จึงมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตามยังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 3.3 -3.5 % และปี 66 มองว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตกว่า 3.5-4 % ”นายธนวรรธน์ กล่าว
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปีหน้าที่มองว่าเศรษฐกิจถดถอย น่าจะเห็นชัดได้ในช่วงไตรมาส 1 แม้จะมีความกังวลที่สหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐไม่ได้ท่าทีที่จะทรุดตัวเพราะอัตราว่างงานไม่มาก ยอดการใช้จ่ายซื้อบ้านซื้อรถก็ยังดี จึงมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงซอฟแลนด์ดิ้ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการซีโร่โควิด เศรษฐกิจจีนน่าจะโตปีนี้ 3.5 % และปีหน้าน่าจะขยายตัว 4.5 % จากการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งการท่องเที่ยว การส่งออก ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในอาเซียนและไทย
สำหรับผลสำรวจ พฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันลอยกระทง” ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ พบว่า ส่วนใหญ่ 76% ระบุว่าจะไปลอยกระทงและทำกิจกรรมอื่นๆ นอกบ้าน เพราะต้องการคลายความเครียด ร่วมประเพณี และขอพรหลังจากโควิดเบาลง โดยเน้นท่องเที่ยวลอยกระทงในพื้นที่ใกล้บ้านมากกว่าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ไกลบ้าน แม้จะมีความกังวลต่อการติดเชื้อโควิดอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าจากมาตรการดูแลตนเองและการได้ฉีดวัคซีนป้องกันตนเอง จึงไม่กังวลปัญหาการติดเชื้อโควิดเท่าที่ควร จึงทำให้กล้าที่จะออกมาท่องเที่ยวในช่วงลอยกระทงปีนี้กันมาก
“ประเมินว่าลอยกระทงปีนี้จะมีมูลค่าใช้จ่ายประมาณ 9.7 พันล้านบาท และขยายตัวประมาณ 6% ถือเป็นมูลค่ากับมาบวกอีกครั้งในรอบ 5 ปี และมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 5 ปี แต่ในแง่อัตราขยายตัวสูงรอบใน 10 ปี ดูจากผลสำรวจสะท้อนได้ว่าลอยกระทงปีนี้จะกลับมาคึกคักในรอบ 5 ปี แต่ยังอยู่ในโหมดของการระมัดระวังการใช้จ่าย เชื่อว่าสัญญาณการใช้จ่ายตามเทศกาลจากนี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง และกลับมาฟื้นตัวถึงปีใหม่”นายธวรรธน์ กล่าว