'สุพัฒนพงษ์' ยันเดินต่อ 'วีซ่า LTR' แม้แก้ กม.ต่างชาติถือครองที่ดินไม่ผ่าน
สุพัฒนพงษ์ ประชุม คสดช.นัดแรก ยันเดินหน้าวีซ่า LTR ดึงกลุ่มรายได้สูงเข้าไทย แม้แก้กฎหมายให้ต่างชาติถือครองที่ดินไม่ผ่าน ให้ประชาชนตัดสิน เผยพอใจการดำเนินการรับสมัครวีซ่า LTR สองเดือนแรกหลังมีผู้เข้าสมัครแล้วกว่า 1,300 ราย เตรียมให้บีโอไอโรดโชว์ดึงกลุ่มเป้าหมาย
วันนี้ (4 พ.ย.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย(คสดช.) ณ ศูนย์บริการ One Stop Service (กม.พิเศษ และ BOI) อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 18
โดยมี หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ อดีตประธาน บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายด้านควบรวมกิจการ (M&A) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้าร่วมประชุม จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมศูนย์การขออนุญาตวีซ่า LTR ประมาณ 20 นาที
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่าปัจจุบันการดำเนินการ ยื่นขอวีซ่าพำนักระยะยาวของชาวต่างชาติ(วีซ่าLTR) ได้เปิดให้มีการเริ่มดำเนินการ 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับความสนใจในระดับหนึ่ง มีผู้สมัครกว่า 1,300 คนแล้วจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร โดยที่ผ่านมาเป็นการเริ่มอย่างไม่เป็นทางการจากนี้ไปทางสำนักงานส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)จะจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ ให้ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายรับทราบมากขึ้นโดยเรื่องนี้ได้มอบหมายให้บีโอไอทำแผนโรดโชว์อย่างเป็นทางการ
ส่วนจะได้ 1ล้านคนภายใน 5 ปีหรือไม่ก็ต้องตั้งเป้าไว้ก่อน เพราะขณะนี้ก็มีหลายๆประเทศ ที่ใช้วิธีออกมาตรการในลักษณะเดียวกับไทย เช่น ที่บาหลี ของอินโดนีเซีย ปัจจุบันก็ประกาศให้วีซ่า 10 ปีเช่นกัน เพื่อดึงดูดคนศักยภาพสูงเข้าประเทศ เช่นกัน ซึ่งเห็นว่าเมื่อประเทศไทยขยับประเทศอื่นๆก็ขยับตามเช่นกัน
สำหรับในเรื่องของการแก้ไขกฎกระทรวงมหาดไทย เรื่องการให้ต่างชาติที่ลงทุนในประเทศไทย 40 ล้านบาท และมีการคงเงินลงทุนไว้3 ปีสามารถซื้อที่ดินและบ้านได้ไม่เกิน 1 ไร่ ย้ำว่าเป็นการแก้จากเดิมที่ให้คงเงินลงทุนไว้ 5 ปี และกำหนดว่าต้องได้วีซ่า LTR ก่อนถึงสามารถซื้อที่ดินได้ โดยในส่วนนี้หากมีการปรับเปลี่ยนยกเลิกไปก็จะไม่กระทบกับนโยบายวีซ่า LTR ที่ดำเนินการอยู่
ทั้งนี้กรณีที่นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงในที่ประชุมสภาฯว่าอาจจะถอยเรื่องการแก้ไขกฏกระทรวงเพื่อให้สิทธิ์ชาวต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัย 1 ไร่ในไทย ก็อย่างที่ตนชี้แจงในสภาฯว่าเป็นทางเลือกของคนที่ประสงค์จะอยู่ในประเทศไทยจริงๆและอยาก เข้ามาอยู่ในระบบที่ถูกต้อง ไม่ต้องไปใช้ช่องว่างทางกฎหมาย และไม่ได้คิดว่าไม่มีเรื่องนี้แล้ว การดึงดูดชาวต่างชาติคุณภาพสูงจะไม่สำเร็จ เพราะต่างชาติที่มาอยู่ในไทยอาจใช้วิธีการเช่า 30 ปี และเพิ่มอีก 30 ปีก็ทำได้ หรือซื้อคอนโดมิเนียม ในสัดส่วนไม่เกิน 49% หรือจะเลือกเช่าโรงแรมอยู่ก็ได้
อย่างไรก็ตามในที่สุดถ้าขั้นตอนการเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากประชาชนแล้วยังเห็นว่า ต้องระงับหรือแก้ไขอะไรก็มาดูกันว่าเป็นอย่างไร กฎกระทรวงเดิมก็มีอยู่แล้วอย่างไรก็ตามก็เป็นทางเลือก ไม่ได้บอกว่าจะต้องมีและต้องขายพ่วง เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันเพียงแต่ว่าถ้าหากมีหลักเกณฑ์ใหม่ ก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งแต่ถ้าไม่ได้เพราะประชาชนคิดว่า ไม่ยอมรับก็ยังมีทางเลือกอื่นๆอีก หรือกลับไปให้คงการลงทุนในไทย 5 ปีเหมือนเดิมก็ไม่มีปัญหา
“เราต้องการส่งสัญญาณว่า ต่างชาติที่เข้ามาต่างช่องทางนี้ จะต้องมีหลักเกณฑ์ในการได้รับวีซ่า LTR ต้องมีรายได้ตามกำหนดซึ่งยากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ หากสังคมมองว่าไม่เหมาะสม ยังไม่พร้อม ไม่เป็นที่ยอมรับ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ต้องฟังเสียงประชาชนและผู้ประกอบการ ผมไม่ได้พร้อมถอย ต้องบอกว่าอยู่ในขั้นตอนการของคณะกรรมการกฤษฎีกา ถือว่าผ่านขั้นตอนของผมไปแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าตัดสินใจอย่างไร” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว