'บีทีเอส' พร้อมเปิดบริการรถไฟฟ้าโมโนเรล หนุนลดคาร์บอน 1.4 แสนตันต่อปี

'บีทีเอส' พร้อมเปิดบริการรถไฟฟ้าโมโนเรล หนุนลดคาร์บอน 1.4 แสนตันต่อปี

“บีทีเอส” ศึกษาพลังงานทดแทนต่อเนื่อง ปีหน้าพร้อมเปิดให้บริการโมโนเรล 2 สาย ลดคาร์บอนเพิ่ม 1.4 แสนตัน พร้อมประเดิมติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ประหยัดพลังงาน 14,000 เมกะวัตต์ต่อปี หวังรัฐเคาะนโยบายตั๋วร่วม เปลี่ยนผ่านภาคขนส่งไร้รอยต่อ

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายในงานสัมมนา Thailand Smart City : Bangkok Model Session 6 : Smart Commuter, Smart Transportation ระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ เพื่อรองรับการเติบโตของมหานคร จัดโดย “เนชั่น กรุ๊ป” โดยระบุว่า ปัจจุบันบีทีเอสให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวมระยะทาง 72 กิโลเมตร ประกอบด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีทอง

อีกทั้งในปีหน้าจะเปิดเดินรถโมโนเรล 2 สายเพิ่มเติม ประกอบด้วย สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ส่งผลให้ในปี 2566 บีทีเอสจะเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้ารวม 140 กิโลเมตร ครอบคลุมการให้บริการ 1 ใน 3 ของจำนวนประชาชนที่เดินทางในกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ การขยายโครงข่ายรถไฟฟ้ายังเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายลดคาร์บอน ที่บีทีเอสดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพราะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า 1 กิโลเมตร มีอัตราเผาผลาญพลังงาน 10 กรัมต่อกิโลเมตร แต่หากใช้รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน จะปล่อยคาร์บอนมากถึง 150 กรัมต่อกิโลเมตร ดังนั้นหากประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้าจะลดคาร์บอนได้เพิ่มขึ้นถึง 93%

\'บีทีเอส\' พร้อมเปิดบริการรถไฟฟ้าโมโนเรล หนุนลดคาร์บอน 1.4 แสนตันต่อปี

อย่างไรก็ดี เพื่อสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 และขยายสู่ก๊าซเรือนกระจกประเภทอื่นๆ (Net Zero) ในปี 2065 บีทีเอสได้สนับสนุนนโยบายลดคาร์บอนมาตลอด โดยปัจจุบันบีทีเอสได้รับรางวัลบริษัทที่ดำเนินการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral นับเป็นบริษัทระบบขนส่งทางรางแห่งแรกของโลกที่เป็นกลางทางคาร์บอน

ทั้งนี้ บีทีเอสยังมีแผนผลักดันลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นในทุกปี โดยในปี 2566 ที่จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าโมโนเรลเพิ่มอีก 2 สายนั้น จะมีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ  เป็นนโยบายในการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับการให้บริการผู้โดยสาร ควบคู่ไปกับการลดใช้พลังงาน

\'บีทีเอส\' พร้อมเปิดบริการรถไฟฟ้าโมโนเรล หนุนลดคาร์บอน 1.4 แสนตันต่อปี

นายสุรยุทธ ยังกล่าวด้วยว่า จากการศึกษาพบว่าการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป จะสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 14,000 เมกะวัตต์ต่อปี อีกทั้งการเปิดให้บริการโมโนเรล ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ในภาคขนส่งทางรางของไทย จะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มอีก 1.4 แสนตันต่อปี

นอกจากนี้ บีทีเอสยังดูแลผู้โดยสารทั้งการทำความสะอาด และการดูแลทรัพย์สินสูญหาย การให้บริการผู้ด้อยโอกาสหรือผู้พิการ ให้บริการฟรีมาโดยตลอด รวมทั้งยังมีห้องพยาบาลฉุกเฉินดูแลผู้โดยสาร การพัฒนาด้านเทคโนโลยี นำเอาเทคโนโลยีการใช้จ่ายบนโลกออนไลน์มาใช้กับทุกบริการ ผ่าน Rabbit โดยพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ และยังมีเป้าหมายขยายธุรกิจภาคขนส่งทั้งการให้บริการรถ BRT และท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่จะทำให้เป็นเมืองสมาร์ทซิตี้

\'บีทีเอส\' พร้อมเปิดบริการรถไฟฟ้าโมโนเรล หนุนลดคาร์บอน 1.4 แสนตันต่อปี

ส่วนประเด็นของการพัฒนาระบบขนส่งแบบไร้รอยต่อ ด้วยระบบตั๋วร่วม หรือ Common ticket System บีทีเอสยืนยันว่าทุกวันนี้มีระบบที่พร้อมจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการภาคขนส่งอื่นๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ภาครัฐต้องกำหนดมาตรฐานของประเทศในการอ่านบัตรให้ได้ทุกระบบ แต่ก็ผ่านมาหลายมาตรฐานแล้วยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งล่าสุดก็ทราบว่าทางภาครัฐมีนโยบายจะใช้ระบบ EMV Contactless (Europay Mastercard and Visa) ซึ่งบีทีเอสก็พร้อมเร่งติดตั้งหัวอ่านบัตรดังกล่าว และน่าจะได้ใช้กับโมโนเรลในปีหน้า

“ส่วนตัวมองว่าถ้าขนส่งสาธารณะสะอาด สะดวก ปลอดภัย โจทย์นี้เป็นสิ่งที่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ จะเป็นการยกระดับคุณภาพต่างๆ และหากภาคขนส่งเป็นขนส่งอีวีด้วย จะยิ่งทำให้เงียบ และลดคาร์บอน สิ่งเหล่านี้ทำได้แน่นอน และประชาชนจะมีทางเลือกต่อระบบขนส่งสาธารณะ แต่ทุกอย่างก็อยู่ที่ความนิ่งในเรื่องของนโยบาย ถ้านโยบายนิ่งภาคเอกชนไทยก็พร้อมสนับสนุน ทุกวันนี้เราพร้อมเสมอ”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์