‘รถ EV’ จดทะเบียนพุ่ง 1.4 หมื่นคัน ‘ขนส่ง’ หนุน ลดภาษี 80%
กรมการขนส่งทางบกเปิดสถิติรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจดทะเบียนปีนี้ 14,816 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 156% ล่าสุดออกมาตรการลดภาษีประจำปี 80% หวังกระตุ้นรถยนต์พลังงานทางเลือก รับนโยบายลดคาร์บอน
ใกล้สิ้นปีแบบนี้ หากใครกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ นอกจากจะต้องเปรียบเทียบโปรโมชั่นของค่ายรถยนต์แล้ว วันนี้อาจจะต้องเปรียบเทียบถึงต้นทุนทางการเงินที่ต้องจ่ายทุกปี อย่างภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ จัดเก็บโดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แต่ล่าสุดเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่กำลังลังเลจะซื้อรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (รถEV) เพราะ กรมการขนส่งทางบกได้ประกาศลดการจัดเก็บภาษีรถยนต์ประเภทนี้ถึง 80% เพื่อเป็นแรงกระตุ้นการตัดสินใจเพิ่มเติม
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาจดทะเบียนจำนวน 14,816 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 156.86% แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ขบ.ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในประเด็นด้านอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อันเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
โดยขณะนี้ได้มีผลบังคับใช้สำหรับพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. 2565 มีสาระสำคัญระบุว่า พระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ต้องเป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงาน ที่นำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วย รถยนต์ในระหว่างวันที่ 9 พ.ย.2565 ถึงวันที่ 10 พ.ย. 2568 โดยให้ลดภาษีลง 80% อัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เช่น
- รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม
- ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท
- ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท
- รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม
- ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท
- ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท
- รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
- ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท
- ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท
“กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการออกมาตรการในการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดภาษีประจำปีให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่ง โดยการลดจัดเก็บภาษีครั้งนี้ จะลดเป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียน”