กระทรวงอุตฯ คุมผู้ทำและผู้นำเข้า “คาร์ซีท” ต้องได้มาตรฐาน มอก.

กระทรวงอุตฯ คุมผู้ทำและผู้นำเข้า “คาร์ซีท”  ต้องได้มาตรฐาน มอก.

กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมประกาศให้ “คาร์ซีท” ทุกยี่ห้อเป็นสินค้าควบคุมตามมาตรฐาน มอก. เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภคโดยเฉพาะเด็กเล็กให้ได้ใช้คาร์ซีทที่ได้มาตรฐาน เร่ง สมอ. ทำประชาพิจารณ์ทั้งผู้ทำและผู้นำเข้า ให้มีผลบังคับใช้ภายในปี 2566

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มติการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา เห็นชอบให้คาร์ซีท หรือที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมใช้สำหรับให้เด็กนั่งโดยสารบนรถยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เป็นสินค้าควบคุม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนโดยเฉพาะเด็กเล็ก ซึ่งสอดคล้องตามภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมด้านการคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่ได้มาตรฐาน

โดยเตรียมออกกฎหมายเพื่อควบคุมให้ผู้ทำและผู้นำเข้าคาร์ซีททุกราย ต้องทำและนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก. เท่านั้น เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเป็นตัวช่วยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของประชาชนผู้บริโภค  

 

นายสุรพล ชามาตย์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ประกาศใช้มาตรฐานที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ คาร์ซีท มอก.3418-2565 เป็นมาตรฐานทั่วไปตั้งแต่เดือนต.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากล UN R 44 ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยบนท้องถนนที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ผู้ประกอบการจะสมัครใจขอการรับรองหรือไม่ก็ได้ และเพื่อยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนทุกระดับ

โดยในการประชุมบอร์ด กมอ. ที่ผ่านมา จึงได้เห็นชอบให้ สมอ. กำหนดให้คาร์ซีทเป็นสินค้าควบคุม พร้อมทั้งเร่งรัดดำเนินการบังคับใช้ให้ทันภายในปี 2566 เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคโดยเฉพาะเด็กเล็ก ได้รับความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน โดยให้ดำเนินการควบคู่ไปกับการแจ้งให้ผู้ประกอบการ ทั้งผู้ทำและผู้นำเข้าได้มีระยะเวลาในการเตรียมตัวในการขออนุญาตทำหรือนำเข้า เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐานคาร์ซีทดังกล่าว

ครอบคลุมคาร์ซีทที่ติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX หรือ ระบบเข็ดขัดนิรภัยของรถยนต์ โดยแบ่งตามน้ำหนักของเด็กเป็น 5 กลุ่ม  ได้แก่

1) น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม  
2) น้ำหนักไม่เกิน 13 กิโลกรัม  
3) น้ำหนัก 9-18 กิโลกรัม
4) น้ำหนัก 15-25 กิโลกรัม  
5) น้ำหนัก 22-36 กิโลกรัม  

ซึ่งต้องผ่านการทดสอบด้วยการจำลองสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุ โดยการชนด้านหน้าด้วยความเร็ว 50 กม./ชม.  และด้านหลังด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. โดยติดเซ็นเซอร์ไว้ที่หุ่นเด็กจำลอง เพื่ออ่านค่าความรุนแรงจากการกระแทก โดยจะรายงานผลออกมาเป็นความเสียหายหรืออาการบาดเจ็บตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนดไว้ ซึ่งผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าคาร์ซีทที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน มอก. 3418-2565 จะช่วยคุ้มครองลูกหลานของท่านให้ได้รับความปลอดภัยในการเดินทางอย่างแน่นอน

สำหรับการบังคับใช้มาตรฐาน สมอ. จะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หลังจากนี้ จะทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมประกาศบังคับใช้ได้ภายในปี 2566

นอกจากนี้ในการประชุม กมอ. ที่ผ่านมา ยังได้เห็นชอบมาตรฐานอื่นๆ อีกจำนวน 125 มาตรฐาน เช่น มาตรฐานหลอดยาฉีด ขวดยาฉีด วงล้อรถยนต์ แบตเตอรี่ ถังก๊าซและภาชนะบรรจุก๊าซ เครื่องขัดพื้นไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เตาปิ้งและเตาย่างเชิงพาณิชย์ และเครื่องจักรกลการป่าไม้ เป็นต้น