"สคร." ชี้การบินไทยฯผลประกอบการฟื้นชัดเจน คาดออกจากแผนฟื้นฟูฯได้ก่อนปี 68
“วิษณุ” เรียกผู้บริหารการบินไทย ผู้บริหารแผนฟื้นฟู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับทราบความคืบหน้าฟื้นฟูการบินไทย ผ.อ.สคร.ชี้การบินไทยธุรกิจฟื้นชัดเจน สภาพคล่อง ผู้ประกอบการดีมาก คาดออกจากแผนฟื้นฟูได้แน่ภายในปี 68 ยันรัฐจะถือหุ้นใหญ่ในการบินไทยไม่ต่ำกว่า 40%
วันนี้ (23 พ.ย.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารการบินไทย ผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทย ผู้บริหารกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุมหลายคน เช่น นายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เข้าร่วมประชุม
ภายหลังการประชุมนางปานทิพย์ เปิดเผยว่าที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการแก้ปัญหา และฟื้นฟูการบินไทยที่ได้ผ่านที่ประชุมเจ้าหนี้ และล่าสุดศาลฯได้รับทราบและอนุมัติให้การบินไทยดำเนินการตามแผนฟื้นฟู โดยขณะนี้แม้ว่าการบินไทยมีผลประกอบการที่ดีขึ้นแต่เมื่อดูตามเกณฑ์การกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่มีการติดตามผลการดำเนินงานยังถือว่าการบินไทยยังอยู่ในแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลต้องกำกับดูแล
ทั้งนี้ผลประกอบการของการบินไทยฟื้นตัวดีขึ้นมากโดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานั้นดีมาก และหากสถานการณ์ในธุรกิจการบินยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าการบินไทยจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูฯได้เร็วกว่ากำหนดไว้ที่เดิมคาดว่าจะออกจากแผนฟื้นฟูฯภายในปี 2568
โดยขณะนี้การบินไทยมีสถาพคล่องเพิ่มขึ้นและทำให้การบินไทยนั้นลดวงเงินที่จะขอกู้เงินและเพิ่มทุนจากเดิมที่ต้องการวงเงินประมาณ 5 หมื่นล้านเหลือ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยการดำเนินงานของการบินไทยในขณะนี้อาจไม่จำเป็นต้องกู้เงินเลยก็ได้ แต่ว่าผู้บริหารยังขอวงเงินในส่วนนี้และขอการสนับสนุนจากรัฐบาล ในการเพิ่มทุนและแปลงหนี้เป็นทุนที่วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาทเพื่อที่จะใช้เสริมสภาพคล่องธุรกิจหากมีความจำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการธุรกิจ โดยในส่วนนี้จะดูช่วงเวลาที่เหมาะสมว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่
“แม้ว่าผลประกอบการของการบินไทยจะดีขึ้นมาก แต่รัฐบาลก็ยังต้องดูแลเพราะว่ารัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยคณะกรรมการชุดนี้รัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับการบินไทยที่มีข้อติดขัดในเรื่องต่างๆในการดำเนินธุรกิจซึ่งก็มีการแก้ไขให้ตามลำดับ”นางปานทิพย์กล่าว
สำหรับเรื่องการที่จะนำหุ้นการบินไทย หรือ “THAI” เข้าไปเทรดในตลาดก็ต้องไปดูเงื่อนไขของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่กำหนดไว้ว่าหุ้นของบริษัทต้องมีส่วนของทุนไม่ติดลบ และกำไรก่อนหักภาษีและต้นทุน (EBITDA) เป็นบวกและตอนนี้ก็เป็นไปด้วยดีและเป็นไปตามแผนทั้งหมด ทำให้การฟื้นฟูการบินไทยนั้นถือว่าเป็นไปตามแผนหรือว่าเร็วกว่าแผนที่วางไว้
นางปานทิพย์กล่าวด้วยว่าในส่วนการถือหุ้นของการบินไทยของรัฐบาลนั้นยังยืนยันว่ารัฐบาลจะยังคงถือหุ้นใหญ่ในการบินไทยในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 40% แม้ว่าการบินไทยจะแปลงหนี้เป็นทุนหรือเพิ่มทุนอย่างไรก็ตาม เพื่อให้สายการบินนี้เป็นสายการบินแห่งชาติ แม้ว่าการถือหุ้นใหญ่ของการบินไทยนั้นจะไม่ได้เป็นการถือหุ้นในสัดส่วนเกิน 50% จนทำให้การบินไทยกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนในอดีตแต่การบินไทยนั้นยังคงต้องเป็นสายการบินแห่งชาติเพื่อสร้างความภาคภูมิใจ และรับบทบาทภารกิจสำคัญในแต่ละช่วงเวลาของประเทศ เหมือนที่ในช่วงการประชุมเอเปคที่ผ่านมาการบินไทยก็ได้ทำบทบาทนี้ได้ดีและได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก
"การบินไทยยังเป็นสายการบินแห่งชาติ แม้ว่ารัฐไม่ได้ถือหุ้นเกิน 50% เหมือนในอดีต ต่อไปอาจต้องปรับนิยามว่าสายการบินแห่งชาติคือสายการบินที่รัฐถือหุ้นใหญ่"