‘การบินไทย’ กางแผนเพิ่มฝูงบินครบ 70 ลำปีหน้า รับดีมานด์พุ่งต่อเนื่อง
“การบินไทย” เล็งเพิ่มฝูงบินเสริมทัพ ตั้งเป้า 70 ลำในปีหน้า หลังดีมานด์ผู้โดยสารพุ่งต่อเนื่อง ปัจจุบันฟื้นเส้นทางบินแล้วกว่า 70% โชว์ยอดผู้โดยสารสูงแตะ 2 หมื่นคนต่อวัน
นายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาพรวมธุรกิจการบินไทยกลับมาทำการบินราว 70% หากเทียบกับช่วงปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 โดยปัจจุบันการบินไทยเปิดให้บริการเส้นทางบินรวมทั้งในและต่างประเทศ 68 จุดบิน เทียบกับปี 2562 ที่เปิดให้บริการกว่า 80 จุดบิน ขณะที่อัตรายบรรทุกผู้โดยสารปัจจุบันสูงอยู่ที่ราว 80% มีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ย 2 หมื่นคนต่อวัน
สำหรับแนวโน้มการฟื้นตัวของปริมาณผู้โดยสารที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลให้การบินไทยประเมินแผนจัดหาอากาศยานเสริมฝูงบินเพิ่มเติม จากปัจจุบันมีอากาศยานให้บริการราว 44 ลำ และในส่วนของสายการบินไทยสมายล์อีก 20 ลำ โดยคาดว่าในปี 2567 การบินไทยจะมีอากาศยานในฝูงบินราว 70 ลำ เพื่อเพียงพอต่อการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้การบินไทยได้รับอนุมัติจากกระทรวงคมนาคมให้จัดหาฝูงบินเพิ่มเติมรุ่น A350-900 จำนวน 2 ลำ มีกำหนดทยอยรับมอบลำแรกในเดือน มี.ค.2566 และครบตามจำนวนภายในปี 2566
นอกจากนี้ การบินไทยยังได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้จัดหาอากาศยานเพิ่มเติมอีก 4 ลำ และการบินไทยยังมีแผนจะทยอยจัดหาอากาศยานในปีหน้าเพิ่มเติมอีก 5 ลำ โดยเป้าหมายจะเป็นการจัดหาในลักษณะเช่า และจะเช่าในอากาศยานรุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อให้บริการผู้โดยสารได้หลากหลายและตอบโจทย์มากขึ้น
นายสุวรรธนะ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากแผนเช่าอากาศยานเพิ่มเติมแล้ว การบินไทยยังนำเครื่องบินเก่ามาซ่อมบำรุงและนำกลับมาใข้งานจำนวน 5 ลำ คือ โบอิ้ง 777-200ER จำนวน 2 ลำ และแอร์บัส A330 จำนวน 3 ลำ และยังอยู่ระหว่างพิจารณานำเอาอากาศยานที่ปลดระวางแล้วมาซ่อมบำรุงเพื่อกลับมาใช้เพิ่มเติม อาทิ แอร์บัส A380 เนื่องจากขณะนี้ดีมานด์การเดินทางของผู้โดยสารเพิ่มอย่างก้าวกระโดด ขณะที่อากาศยานในตลาดก็มีความต้องการสูง เพราะหลังโควิด-19 คลี่คลายหลายสายการบินทยอยจัดหาอากาศยานเสริมฝูงบินมากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการติตดามสถานการณ์และแนวโน้มของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก การบินไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมใหญ่ประจำปี AAPA 66th Assembly of Presidents Bangkok 2022 ระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย.2565 โดยเป็นการประชุมร่วมระหว่างผู้บริหารระดับสูงของสายการบินสมาชิก AAPA จำนวน 13 สายการบินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออลนิปปอนแอร์เวย์ แอร์แอสตานา บางกอกแอร์เวย์ คาเธ่ย์แปซิฟิคแอร์เวย์ ไชน่าแอร์ไลน์ อีวีเอแอร์เวย์ การูด้าอินโดนีเซีย เจแปนแอร์ไลน์ มาเลเซียแอร์ไลน์ ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ รอยัลบรูไนแอร์ไลน์ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ และการบินไทย
รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อร่วมประชุมหารือประเด็นต่างๆ รวมทั้งกฎเกณฑ์ด้านการบินที่มีผลกระทบต่อสายการบินสมาชิก ทั้งในปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งมีการเสวนา (Panel Discussion) จากผู้เชี่ยวชาญในประเด็นและมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจการบินให้มีประสิทธิภาพทันต่อสถานการณ์ของโลกปัจจุบัน
นายกรกฏ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการเดินทางของผู้โดยสารในขณะนี้เป็นสัญญาณบวก โดยยอดจองล่วงหน้า (บุ๊กกิ้ง) ช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ปัจจุบันสูงเฉลี่ยในระดับ 65-70% ซึ่งปัจจุบันการบินไทยได้เดินหน้าเปิดเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายที่จะกลับไปทำการบินในทุกเส้นทางบินที่เคยเปิดให้บริการช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และจะทยอยเปิดให้บริการเป็นเที่ยวบินประจำทุกวันในเส้นทางที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะเส้นทางในยุโรป