จับตาสหรัฐเตรียมตัดสินเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากไทย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยผลการตัดสินในวันพฤหัสบดี(1ธ.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่ออุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ หรือแผงโซลาร์เซลล์ จากไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชาหรือไม่
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้ทำการสอบสวนก่อนหน้านี้ว่า แผงโซลาร์เซลล์ จากทั้ง 4 ประเทศดังกล่าวมีส่วนช่วยให้จีนหลีกเลี่ยงมาตรการด้านภาษีจากทางสหรัฐหรือไม่ ซึ่งหากผิดจริงจะทำให้มีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังสูงถึง 250%
กระทรวงฯ ใช้เวลา 8 เดือนในการสอบสวนว่า ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์จากจีนได้โยกย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศทั้ง 4 เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีนำเข้าต่อสหรัฐหรือไม่ โดยสหรัฐมีการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 80% ของการนำเข้าทั้งหมด
อย่างไรก็ดี แม้ทางกระทรวงฯ มีผลการตัดสินในวันนี้ว่าจะเรียกเก็บภาษีแผงโซลาร์เซลล์จากไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา แต่ก็จะยังไม่มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 2 ปี เนื่องจาก ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ใช้อำนาจประธานาธิบดีออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อการนำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าว โดยจัดให้เป็นสินค้าปลอดภาษีนำเข้าเป็นเวลา 24 เดือนเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐสามารถเพิ่มกำลังการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ และผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดของปธน.ไบเดน
นอกจากนี้ การตัดสินของกระทรวงฯ ในวันนี้เป็นเพียงคำตัดสินเบื้องต้น ก่อนที่จะมีคำตัดสินขั้นสุดท้ายในเดือนพ.ค.2566
ก่อนหน้านี้ Auxin Solar ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ยื่นฟ้องต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพื่อให้มีการสอบสวนว่า ผู้ผลิตของจีนได้โยกย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชาเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีจากทางสหรัฐหรือไม่
อย่างไรก็ดี สมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของสหรัฐ (SEIA) เตือนว่าการสอบสวนดังกล่าวจะส่งผลให้การลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐหยุดชะงักลง หลังจากที่ได้ชะลอตัวลงแล้วอันเนื่องจากต้นทุนในระดับสูง ความล่าช้าในการขนส่งสินค้า รวมทั้งปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยขัดขวางนโยบายของปธน.ไบเดนที่ต้องการสนับสนุนโครงการใช้พลังงานหมุนเวียนในสหรัฐ