ญี่ปุ่นย้ำไทยหุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญ เตรียมขยายลงทุน "ยานยนต์-อิเล็กฯ"
"บีโอไอ" โชว์ความสำเร็จโรดโชว์ถกนักลงทุนญี่ปุ่น ย้ำไทยเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญ เตรียมขยายลงทุนเป็นฐานผลิตหลักในภูมิภาค เชื่อมั่นยุทธศาสตร์ส่งเสริมลงทุนใหม่สอดคล้องยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 - 30 พ.ย.2565 บีโอไอได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน ณ กรุงโตเกียวและนครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
โดยเข้าพบองค์กรพันธมิตรกว่า 10 แห่ง อาทิ JETRO องค์กรส่งเสริมเอสเอ็มอีและนวัตกรรม กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของญี่ปุ่น สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) สมาพันธ์ธุรกิจในเขตคันไซ (Kankeiren)
รวมทั้งบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลการเกษตร อาหารแปรรูป เคมีภัณฑ์ วัสดุขั้นสูง และธุรกิจบริการ รวมกว่า 10 บริษัท โดยมีการจัดสัมมนาการลงทุน 2 ครั้ง ที่กรุงโตเกียวและนครโอซาก้า ซึ่งมีนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจเข้าร่วมงานประมาณ 300 คน
ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้ บีโอไอได้นำเสนอจุดแข็งและโอกาสการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งยุทธศาสตร์และมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ ในขณะที่สำนักงานอีอีซี นำเสนอความก้าวหน้าของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่พิเศษต่าง ๆ และโอกาสการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ในส่วนของ กนอ. ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศเพื่อรองรับการลงทุนญี่ปุ่น
นายนฤตม์ เผยว่า ผลจากการโรดโชว์ครั้งนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ประเทศไทยยังคงเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่สำคัญ และยืนยันใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของญี่ปุ่นในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งมีแผนขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
นอกจากนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นยังมีการพิจารณาจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย เพื่อเป็นศูนย์บริหารจัดการการผลิตและการบริการในภูมิภาค เพราะมองว่าไทยมีเศรษฐกิจที่มั่นคง มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพของบุคลากร สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับชาวญี่ปุ่นที่มาประจำการที่ไทย
รวมทั้งมีสิทธิประโยชน์จูงใจ และการรวมศูนย์ซัพพลายเชนที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักของญี่ปุ่น เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมองว่า มาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ที่เน้นส่งเสริม BCG และยกระดับไปสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะและยั่งยืน มีความสอดคล้องกับทิศทางสำคัญใน 3 ด้าน คือ
1. สอดคล้องกับทิศทางของโลกในเรื่องการลดคาร์บอนและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Decarbonization and Digitalization)
2. สอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว (Green Growth Strategy)
3. สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทชั้นนำญี่ปุ่นที่ล้วนมีเป้าหมายเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และการยกระดับธุรกิจโดยใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัล
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังให้ความสนใจในเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านสตาร์ตอัป การพัฒนาบุคลากรรองรับการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะวิศวกรและบุคลากรด้านดิจิทัล
โดยในระยะต่อไปบีโอไอจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นโดยร่วมมือกับ JETRO และหอการค้าญี่ปุ่น (JCC) จะจัดสัมมนาเรื่องยุทธศาสตร์และมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ สำหรับนักลงทุนญี่ปุ่นที่อยู่ในไทย ในวันที่ 19 ธ.ค. 2565
ขณะที่ในช่วงเดือนมี.ค. 2566 สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) จะนำผู้บริหารของคณะกรรมการเศรษฐกิจและการค้าไทย - ญี่ปุ่น เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยจะมารับฟังข้อมูลการลงทุนใหม่ๆ จากหน่วยงานภาครัฐ และมีการประชุมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) รวมทั้งเยี่ยมชมและศึกษาลู่ทางการลงทุนในเขต EECi และโครงการอื่น ๆ ในพื้นที่ EEC ด้วย