ลุ้นครม.เคาะพรุ่งนี้! มาตรการของขวัญปีใหม่
การจัดทำแพคเกจของขวัญปีใหม่ของรัฐบาลให้ประชาชน ล่าสุดหน่วยงานต่างๆ ได้ส่งเรื่องบรรจุเป็นวาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของในวันพรุ่งนี้
สำหรับมาตรการของขวัญปีใหม่ที่น่าสนใจ เช่น กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุมอนุมัติ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน โดยจะเสนอมาตรการช้อปดีมีคืน ที่กำหนดให้นำค่าใช้จ่ายการซื้อสินค้า และบริการมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงวงเงินสูงสุด 40,000บาท
สำหรับรายจ่ายที่ใช้สิทธิได้จะเป็นค่าซื้อสินค้าและบริการเหมือนที่ผ่านมา ยกเว้นค่าซื้อสินค้าสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ รถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ ค่าที่พักโรงแรม ค่าไกด์นำเที่ยว ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ตและค่าเบี้ยประกัน
ขณะเดียวกัน ยังมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้มีรายได้น้อย ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวมถึงกลุ่มเปราะบางรวมถึงมาตรการจากสถาบันการเงินรัฐที่จะเสนอ อาทิ การให้รางวัลพิเศษสำหรับสลากออมสิน รวมถึงมอบของขวัญปีใหม่สำหรับลูกค้าสินเชื่อที่มีวินัยผ่อนชำระดีจะได้รับเงินคืนเข้าบัญชี 500-1,000 บาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างพิจารณาขยายอายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยที่จะสิ้นสุดปลายปีนี้ออกไปอีก 1 ปี โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% ลงเหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจำนองจาก 1% ลงเหลือ 0.01% ครอบคลุมที่อยู่อาศัยใหม่และมือสอง ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด
ส่วนมาตรการอื่นที่กระทรวงการคลังเสนอ เช่น การขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้ในประเทศเหลือลิตรละ 0.20 บาท จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค.2565 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และลดค่าครองชีพให้ประชาชนที่เดินทางไม่ให้เสียค่าโดยสารที่สูงจนเกินไป
ท่องเที่ยวขยายเวลาเปิดผับดึงเงินต่างชาติ
ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเสนอให้ครม. อนุมัติ ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น.จากเดิม 02.00 น.ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเศรษฐกิจในภาคกลางคืน
ทั้งนี้จะเสนอเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 ให้กับประชาชนร่วมกับโครงการอื่นได้แก่ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จำนวน 1.5 ล้านสิทธิ ใช้งบประมาณอยู่ที่ 5,400 ล้านบาท ส่วนอีก 3,300 ล้านบาท จะใช้จัดทำมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย
พลังงานพยุงค่าไฟ - ราคา LPG-NGV
ขณะที่กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้อนุมัติคงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)เพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.2566
นอกจากนี้ ขอความร่วมมือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถแท็กซี่ในโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกันของ ปตท.ไว้ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนรถยนต์ทั่วไปปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV จาก 16.59 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 17.59 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2565-15 มี.ค.2566 การช่วยเหลือตามแนวทางนี้คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ ปตท.ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2565 ถึงวันที่ 15 มี.ค.2566 ประมาณ 2,682 ล้านบาท
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาผลคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ที่ กฟผ.เสนอตามแนวทางที่ กพช.เห็นชอบ ประจำงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟยังจ่ายเท่าเดิมที่ 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นที่อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย จะทำให้มีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 5.69 บาทต่อหน่วย