‘อนุทิน’ นัด 3 กระทรวงถกมาตรการรับชาวจีน

นายพิพัฒน์กล่าวว่ามาตรการที่กระทรวงท่องเที่ยวฯจะเสนอก็คือการฉีดวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศไทยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยจะเป็นการคิดค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องเข้ามาฉีดวัคซีนในประเทศไทยด้วย 
“วันที่ 5 ม.ค.นี้รองนายกฯอนุทินจะเรียกประชุมฯ 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน ส่วนหากจะมีมาตรการอะไรออกมาที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยนั้นจะต้องเป็นมาตรการแบบเท่าเทียมบังคับใช้กับนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่จะเข้าประเทศไทย ไม่ใช่มาตรการที่ใช้เฉพาะกับนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น เพราะตอนนี้การระบาดของโควิด-19 นั้นกลับมาระบาดในหลายประเทศ”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬากล่าวต่อด้วยว่า ในวันที่ 10 ม.ค.2566 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอของบประมาณ จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อใช้ทำโครการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว โดยจะเข้าเสนอที่ประชุม ครม.วันที่ 10 ม.ค.ต่อไป
สำหรับการเสนอของบประมาณ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินงบประมาณในส่วนแรกจำนวน 2,000 ล้านบาท ใช้ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จำนวน 5.6 แสนสิทธิ รัฐจะสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านการสมทบเงินจ่ายค่าโรงแรมและที่พักจากรัฐบาลในสัดส่วน 40% และคูปองอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อวัน ใช้จ่ายในร้านที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ร้านอาหาร ร้านนวดแผนไทย คิดเป็นมูลค่ารวมสูงสุดไม่เกิน 3,600 บาทต่อสิทธิต่อคน โดยมีการปรับลดจำนวนสิทธิ์จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย ที่จำกัดสิทธิ์ไม่เกิน 10 ห้องต่อคนต่อคืน เหลือไม่เกิน 5 ห้องต่อคนต่อคืน

ส่วนวงเงินอีก 2,000 ล้านบาทที่เหลือ จะใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ผ่านการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย อยู่ที่ 20 ล้านคน เป้าหมายรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท หรือฟื้นตัว 80% ของปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย เกิดการเดินทางไม่ต่ำกว่า 160 ล้านคน-ครั้ง