"ท่องเที่ยว" แรงส่ง "เศรษฐกิจไทย"
แม้ “ภาคท่องเที่ยว” จะเป็นฮีโร่ช่วยดันเม็ดเงินสะพัดในภาคเศรษฐกิจไทยให้กลับมาหวือหวาได้อีกครั้ง แต่การพึ่งพานักท่องเที่ยวชาติใดชาติหนึ่งมากเกินไปก็จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบางจากหลายๆ ปัจจัยที่ลากยาวมาก่อนหน้านี้ และพร้อมแตกเป็นเสี่ยงๆ หากการบริหารจัดการในมิติต่างๆ ของไทยไม่ดี เป็นสิ่งที่หลายภาคส่วนหวั่นวิตก ภาพการปลดคนของบิ๊กคอร์ปทั่วโลกยังเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว มาถึงปีนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ และดูเหมือนจะวิกฤติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้มหาอำนาจอย่าง “จีน” จะปลดล็อก เปิดประเทศให้ชาวจีนเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แต่ด้วยวิกฤติเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ราคาพลังงาน เงินเฟ้อต่างๆ ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ
ย้อนกลับมา ประเทศไทย วางการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรตัวสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ โดยเฉพาะความคาดหวังต่อนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวหลัก หลังจากรัฐบาลจีนอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 วานนี้ (9 ม.ค.) เที่ยวบินแรกส่งตรงมาจากเซี่ยเหมินจำนวน 269 คน เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางความยินดีปรีดา
ขณะที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) รายงานว่า มีสายการบินจากจีน 15 สายการบิน ได้ขอทำการบินเข้าประเทศไทยช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.2566 รวม 1,035 เที่ยวบิน และยังมีคำขอทำการบินเพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง สายการบิน Spring Airlines ทำการบินมากที่สุด 5 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-หนานหนิง ,กรุงเทพฯ-เซียงไฮ้ ,เชียงใหม่-กวางโจว ,เชียงใหม่-เซียงไฮ้ และหาดใหญ่-เซียงไฮ้
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทย จะมีเพิ่มเติมมากขึ้นหรือไม่ สศช.ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566 อยู่ที่ 23 ล้านคน และจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.2 ล้านล้านบาท สมมุติฐานดังกล่าว ประเมินว่า นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มเดินทางเข้าไทยช่วงครึ่งหลังปี 2566 แต่เมื่อนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเร็วขึ้น อาจต้องปรับประมาณการจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
แน่นอนว่ามีผลต่อการปรับประมาณการจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2565 ที่จะประกาศเดือน ก.พ.นี้ ด้วย สศช.ประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ว่าจะขยายตัว 3-4% ซึ่งการท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น จากการที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยได้เร็วขึ้น ขณะที่อย่าลืมว่าอีกเครื่องยนต์เศรษฐกิจปีนี้ยังมีประเด็นที่ต้องจับตามอง คือ การส่งออกที่มีสัดส่วนต่อจีดีพีถึง 70% กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และจะเป็นแรงเหวี่ยงสำคัญที่กระทบเศรษฐกิจไทยได้เช่นกัน
แม้เราจะตั้งความหวังไว้อย่างสูงส่งว่า “ภาคท่องเที่ยว” จะเป็นฮีโร่ช่วยดันเม็ดเงินสะพัดในภาคเศรษฐกิจไทยให้กลับมาหวือหวา ฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่การพึ่งพานักท่องเที่ยวชาติใดชาติหนึ่งมากเกินไปก็จะทำให้มีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการที่เรายึดเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภาคท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราไม่ควรละเลยที่จะมองหาฮีโร่ตัวอื่น เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวต่อไป เอาไว้เป็นตัวตาย ตัวแทน เพราะบทเรียนจีนปิดประเทศในช่วงที่ผ่านมา น่าจะบอกอะไรเราได้บ้าง...