'คมนาคม' เปิดสถิติจีนเข้าไทย 1 เดือน พุ่ง 2.5 แสนคน

'คมนาคม' เปิดสถิติจีนเข้าไทย 1 เดือน พุ่ง 2.5 แสนคน

คมนาคมเปิดสถิติท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจีนเปิดประเทศ 1 เดือน แห่เข้าไทยพุ่ง 2.5 แสนคน ทอท.เตรียมทดสอบความพร้อมเปิดบริการ SAT-1 ภายในมีนาคมนี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและติดตามข้อสั่งการการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารภายหลังสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า โดยระบุว่า ภายหลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

โดยจากข้อมูลปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (ตั้งแต่วันที่ 8 - 31 มกราคม 2566) มีเที่ยวบินในภาพรวม จำนวน 43,300 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 1,800 เที่ยวบินต่อวัน และผู้โดยสารในภาพรวม 6.89 ล้านคน หรือเฉลี่ย 287,000 คนต่อวัน โดยเป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 25,690 เที่ยวบิน และผู้โดยสารจำนวน 4.3 ล้านคน ซึ่ง ทอท. มีเป็นเที่ยวบินเส้นทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2,000 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 80 เที่ยวบินต่อวัน โดยมีผู้โดยสาร จำนวน 255,000 คน หรือเฉลี่ย 11,000 คนต่อวัน 

สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ พบว่าในเดือนมกราคม 2566 มีปริมาณเที่ยวบิน เฉลี่ย 829 เที่ยวบินต่อวัน ฟื้นตัวร้อยละ 84 แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 561 เที่ยวบินต่อวัน ฟื้นตัวร้อยละ 139 และเที่ยวบินภายในประเทศ 268 เที่ยวบินต่อวัน ฟื้นตัวร้อยละ 24 และมีผู้โดยสารเดินทางเข้า - ออก เฉลี่ย 138,287 คนต่อวัน ฟื้นตัวร้อยละ 317 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 101,551 คนต่อวัน ฟื้นตัวร้อยละ 981 และผู้โดยสารภายในประเทศ 36,736 คนต่อวัน ฟื้นตัวร้อยละ 55 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565

ทั้งนี้จากการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการภาคพื้นทั้ง 2 ราย (TG และ BFS) ที่ใช้เวลามากกว่า 30 นาที เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งมีประมาณ 50 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบัน (เดือนกุมภาพันธ์ 2566) ลดลงเหลือประมาณ 15 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งจะเห็นว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนนั้น บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้ง 2 ราย มีการเพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 

อีกทั้งจากการเปิดประเทศที่พบว่ามีแนวโน้มการเดินทางจำนวนมาก ทอท. ได้ขยายระยะเวลาให้บางสายการบินบริการภาคพื้นด้วยตนเอง (Self Handling) เป็นการชั่วคราว อีกทั้งการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทอท. อยู่ระหว่างการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

ขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน กระทรวงคมนาคมมีกำหนดการเปิดให้บริการ SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเดือนกันยายน 2566 โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเตรียมทดสอบความพร้อมการเปิดให้บริการในช่วงเดือนมีนาคม 2566 เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างผู้ประกอบการภายในอาคาร SAT-1 ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเข้าปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อน กันยายน 2566 ในส่วนของรถไฟฟ้า APM ดำเนินงานแล้วเสร็จ 100% ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 มีความพร้อมในการให้บริการในช่วง ORAT และเปิดใช้ SAT-1 สำหรับงานที่อยู่ในระหว่างการทดสอบร่วมกับระบบเดิมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจอาวุธและวัตถุระเบิด (EDS) ขาออก ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 96%

ในส่วนของการจัดระเบียบพื้นที่จุดนัดพบของบริษัทท่องเที่ยว (กรุ๊ปทัวร์) ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันมีการเดินทางเป็นหมู่คณะเพิ่มขึ้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่สำหรับกรุ๊ปทัวร์ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2565 เพื่อเป็นการลดความแออัดบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน ไม่ให้กีดขวางทางเดินผู้โดยสาร โดยจัดพื้นที่รองรับกรุ๊ปทัวร์ขาออกโดยเฉพาะไว้ที่บริเวณชั้น 4 ประตู 10 ซึ่งจากการดำเนินการมาประมาณ 1 เดือนกว่า บริษัทท่องเที่ยวให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามแนวทาง การจัดระเบียบพื้นที่เป็นอย่างดี 

สำหรับประเด็นที่มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์จากนักท่องเที่ยวว่าจุดทำ VISA ON ARRIVAL (VOA) มีการเรียกเก็บค่าบริการนั้น กระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบข้อมูลจาก ทอท. และผู้แทนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 พบว่า ไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการดังกล่าว โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะเรียกเก็บเพียงค่าธรรมเนียมการขอรับตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VOA) ตามกฎหมายเท่านั้น รวมไปถึงการให้บริการช่องทาง Fast Track VISA ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้ง 10 ประเภท ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน