จีนเปิดประเทศ ไทยรับมืออย่างไร? | วิกรม กรมดิษฐ์
ผมมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทยและประเทศจีน มาแบ่งปันให้ได้เรียนรู้และวิเคราะห์ไปด้วยกัน จากนโยบายการเปิดประเทศของจีนเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
เชื่อว่าจะสร้างความคึกคักในด้านของการท่องเที่ยว การลงทุนทั้งในประเทศไทยและในประเทศจีนได้ แต่ยังคงมีสิ่งที่คนไทยควรจะต้องรับทราบเพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทย
ก่อนอื่นเราต้องศึกษาข้อมูล สถานการณ์ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีนในขณะนี้ก่อน ซึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนชาวจีน ทราบว่าภายในประเทศจีนช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ โดยเฉพาะในกรุงปักกิ่ง และยังคงมียอดผู้เสียชีวิตสูง
สื่อของประเทศจีนในขณะนี้ ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับการรายงานสถานการณ์ จำนวนผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากเหมือนตอนช่วงแรกของการแพร่ระบาด
เมื่อไม่มีการรายงานตัวเลขเหล่านี้ออกมาจากรัฐบาลหรือสื่อในประเทศ จึงทำให้สื่อต่างประเทศมีการคาดการณ์ตัวเลขของผู้ติดเชื้อภายในประเทศจีน ก่อนมีนโยบายเปิดประเทศสูงถึงประมาณ 200 ล้านคน
ดังนั้น เมื่อมีการเปิดประเทศและปล่อยให้นักท่องเที่ยวของจีนเดินทางเข้ามาในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย นั่นหมายความว่า อาจจะมีประชากรจีนที่เดินทางเข้ามาพร้อมกับเชื้อโควิด-19
ถึงแม้ว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย จะประกาศถึงมาตรการความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์นี้ ด้วยการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนที่จะเข้าประเทศ รวมถึงมีนโยบายการฉีดวัคซีน โควิด -19 ให้กับนักท่องเที่ยวฟรี
ซึ่งก็ถือว่าเป็นมาตรการที่ดี แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวัง เพราะหากประเทศไทยกลับมามีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง ก็จะไม่ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน
การที่ประเทศจีนเปิดประเทศ เพราะคาดหวังว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะกลับเติบโตอีกครั้ง ซึ่งมีการคาดการณ์ก่อนที่จะกลับมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าในปี 2566 เศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ถึง 5%
จึงทำให้เชื่อได้ว่าจากนี้ ประเทศจีนอาจจะต้องมีมาตรการในการดูแลผู้ป่วยโควิดที่ดีขึ้น เพราะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจและพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสู่ประเทศมากขึ้น
วันนี้ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ประชากรของประเทศจีนมีประเทศไทยเป็นเป้าหมายหลักเดินทางเข้ามาเที่ยว นอกจากนี้ยังมีการเดินทางเข้ามาลงทุน
เพราะในขณะนี้ประเทศจีนมีนโยบายส่งเสริมให้ออกมาลงทุนนอกประเทศ เห็นได้ว่าสถิติการลงทุนของนักลงทุนจีนในต่างประเทศจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าจีนมีการลงทุนในประเทศเวียดนามสูงถึง 52% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติ ส่งผล ให้ GDP ของประเทศเวียดนามโตถึง 8.02 เปอร์เซ็น ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 25 ปี ขณะที่มูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าของประเทศเวียดนาม สูงกว่าประเทศไทยประมาณ 10% กว่า
สะท้อนให้เห็นการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการส่งออกเพราะการส่งออกเป็นการทำให้มีเงินไหลเข้าสู่ประเทศ และกลายเป็นเงินทุนสำรองของประเทศ
เพราะฉะนั้น วันนี้เราลองมองดูกันว่า ประเทศไทยน่าจะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเปิดประเทศของจีนตรงนี้หรือไม่
ปี 2566 นี้ประเทศไทยคาดการณ์การเติบโตของ GDP อยู่ที่ประมาณ 3.5 เปอร์เซ็น แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ หากการส่งออกของประเทศไทยไม่เติบโต และหวังพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ตอบโจทย์ในการทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้
เนื่องจากการเดินทางออกมาของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งคาดว่าจะมีเดินทางเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 20-25 ล้านคน เป็นการเดินทางแบบทยอยออกมา อาจจะไม่มากเท่าปีที่ผ่านๆ มาก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 หรือหากสถานการณ์การแพร่ระบาดกลับมาอีกครั้งการท่องเที่ยวตรงนี้รวมถึงการส่งออกก็อาจจะเกิดการชะงักลงได้
เมื่อลองมาวิเคราะห์ดูว่าทำไมการส่งออกของประเทศไทยจึงไม่เติบโตเท่าที่ควร ในขณะที่การส่งออกของประเทศเวียดนามโตต่อเนื่อง ทั้งที่สินค้าของประเทศไทยและเวียดนามมีความใกล้เคียงกัน
ตรงนี้ผมมองเห็นความแตกต่างอยู่ 1 เรื่อง คือเรื่องของการลงทุน เพราะการลงทุนของประเทศที่มีการส่งออกเติบโตเป็นการลงทุนในส่วนของสายการผลิตเป็นเม็ดเงินที่ได้จากการลงทุนทั้งต่างประเทศและในประเทศ
เมื่อเม็ดเงินตรงนี้เกิดขึ้นมาจึงกลายเป็นสายการผลิต ซึ่งสายการผลิตตรงนี้จะไม่มีฤดูกาล เหมือนกับธุรกิจการท่องเที่ยวที่ต้องพึ่งพาฤดูกาลเป็นหลัก
ซึ่งการเดินทางของนักท่องเที่ยวก็มีโอกาสเสี่ยงในการนำพาโรคระบาดต่างๆ เข้ามา ต่างจากสายการผลิตที่เน้นใช้เครื่องจักรรวมกับแรงงานคน หากโรงงานมีการควบคุมที่ดีก็จะทำให้สายงานการผลิตสามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่องและการส่งออกสามารถเติบโตได้
ประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยยังคงยืนอยู่กับที่คือ นโยบายเน้นอยู่ในเรื่องของการท่องเที่ยว การเกษตร เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ดิน ฟ้า อากาศ
เพราะฉะนั้นวันนี้หากประเทศไทยเราต้องการการเติบโต เข้มแข็ง จึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้มีการผลิต อย่างต่อเนื่อง 365 วัน และต้องผลิตสินค้าที่มีมูลค่า ไม่ส่งผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม ไม่มีมลพิษหรือมลภาวะ
ถ้าสามารถทำได้เช่นนี้ เชื่อว่าจะทำให้ยอดการส่งออกสูงขึ้น และประเทศไทยจะมีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย