“กพช.” แง้ม แนวโน้มค่าไฟเดือนพ.ค.-ส.ค.- 66 ลดลง เหลือราคาเดียวทุกกลุ่ม

“กพช.” แง้ม แนวโน้มค่าไฟเดือนพ.ค.-ส.ค.- 66 ลดลง เหลือราคาเดียวทุกกลุ่ม

“กพช.” ส่งสัญญาณ ค่าไฟงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.- 66 มีแนวโน้มลดลงต่ำกว่า 5 บาทเหลืออัตราเดียวทุกกลุ่ม หากราคาก๊าซ LNG นำเข้าอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 15 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู “กกพ.” ระบุชัด พร้อมทำตัวเลขเปรียบเทียบทุกปัจจัย แต่ท้ายสุดอยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาล

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า แนวโน้มการคำนวนค่าไฟฟ้างวด 2 (เดือนพ.ค -​ส.ค. 2566) จะเป็นอัตราเดียวทั้งภาคครัวเรือนและเอกชน จากที่งวดแรกของปี2566 (ม.ค.-เม.ย. 2566) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าเป็น 2 อัตรา คือ ภาคครัวเรือนคิดค่าไฟฟ้าที่หน่วยละ 4.72​ บาท และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น เช่น กลุ่มธุรกิจ คิดอัตราหน่วยละ 5.33 บาท

อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ดูแลค่าไฟฟ้ากลุ่มครัวเรือนจากเดิมที่ให้ใช้ก๊าซในอ่าวไทยที่มีต้นทุนถูกกว่าเพื่อทำให้ราคาค่าไฟถูกกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนั้นเป็นนโยบายที่อนุมัติรอบเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 ซึ่งอาจจะไม่มีต่อมาตรการแล้ว เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติ LNG Spot ลดลงมากเหลือ 15-16 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากที่เคยขึ้นไปสูงสุดระดีบ 40-47 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียูเมื่อช่วงปลายปี 2565 เพราะสภาพอากาศในสหภาพยุโรปไม่ได้หนาวมากตามที่ประเมินไว้

“ถ้าราคาก๊าซนำเข้าอยู่ในระดับนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ทิศทางราคาค่าไฟฟ้างวดใหม่ก็จะถูกลง อีกทั้ง ในช่วงของการใช้ไฟฟ้าสูง หรือช่วง Peak จะอยู่ในช่วงเดือน ม.ค.เม.ย. 2566 ทำให้สถานการณ์แผนรับมือพลังงานฉุกเฉินผ่อนคลายขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิดต่อไป อีกทั้ง หากราคานำเข้าก๊าซลดลงก็อาจจะปรับลดการใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าลง ซึ่งกระทรวงได้พยายามบริหารจัดการเพื่อบริหารต้นทุนอย่างคุ้มค่าและถูกที่สุด” นายกุลิศ กล่าว

 

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ราคาก๊าซนำเข้ายังทรงตัวอยู่ระดับนี้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นค่าเอฟทีงวด 2 มีแนวโน้มลดลงได้ แต่จะลดลงต่ำกว่า 5 บาทต่อหน่วยตามที่เอกชนเสนอมาหรือไม่ คงต้องพยากรณ์จากหลายปัจจัย ซึ่งขณะนี้ กกพ. อยู่ระหว่างนำรายละเอียดต้นทุนต่าง ๆ มาพยากรณ์อยู่ทั้งปัจจัยราคาก๊าซนำเข้า ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย เป็นต้น

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. จะทำตัวเลขเปรียบเทียบเพื่อกำหนดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) โดยจะทำอัตราเปรียบเทียบราว 3 อัตราเหมือนเช่นเคย เช่น การคำนวนราคาก๊าซนำเข้า อัตราแลกเปลี่ยน ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย รวมถึงเงินค้างจ่าย ค่าFt ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ราว 170,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันจ่ายคืนให้กฟผ.หน่วยละ 22 สตางค์ เป็นต้น

“เรามีหน้าที่คำนวณค่า Ft ในแต่ละงวดโดยดูหลายปัจจัย แม้ว่าราคานำเข้าก๊าซจะลดลง แต่ก็อย่าลืมว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำเข้ามาในช่วงที่มีราคาสูงยังคงเหลืออยู่ในระบบ ซึ่งกกพ. จะต้องดูว่ามีปริมาณมากน้อยแค่ไหน และเราจะจ่ายคืนค่า Ft ให้กฟผ.หน่วยละเท่าไหร่ ซึ่งจากที่เคยคิดหากคือหน่วยละ 33 สตางค์จะใช้เงินราวเดือนละ 20,000 ล้านบาท เป็นต้น ดังนั้น ค่าไฟฟ้าจะมีราคาหน่วยละเท่าไหร่ รัฐบาลจะพิจารณาอีกครั้ง