จีน ‘ฮุบ’ อสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่!!!
บ้านจัดสรรเชียงใหม่ตกอยู่ในมือชาวจีนมากกว่า 1,000 ยูนิตมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000-5,000 ล้านบาท แต่เงินไม่ตกถึงมือภาครัฐเหตุทำธุรกรรมการเงินในจีน
นายนนท์ หิรัญเชรษฐ์สกุล นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือ เปิดเผยว่า กระแสชาวจีนเข้ามาซื้อบ้าน ในจังหวัดเชียงใหม่มีมานานกว่า 10 ปีแล้ว จนถึงปัจจุบันนี้คาดว่าน่าจะมีชาวจีนเป็นเจ้าของบ้านจัดสรรมากกว่า 1,000 ยูนิต ราคาขั้นต่ำยูนิตละ 3 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าไม่น่าจะต่ำกว่า 3,000-5,000 ล้านบาท โดยกระจายไปยังโครงการต่างๆ ในย่านถนนวงแหวนรอบ 2 และถนนวงแหวนรอบ 3 ในพื้นที่อำเภอหางดง, อำเภอสันกำแพง, อำเภอสันทราย และอำเภอแม่ริม ซึ่งยังไม่รวมกับคอนโดมิเนียมอีกนับพันยูนิตที่ถูกชาวจีนซื้อไปแล้วจำนวนมาก
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ของชาวจีนนั้น ร้อยละ 90แทบจะไม่ได้คืนผลประโยชน์กลับมาให้กับภาครัฐทำให้สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับจำนวนมหาศาล เพราะชาวจีนจะใช้วิธีการชำระเงินที่ต้นทางที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่ได้นำเงินมาชำระในประเทศไทยโดยนิยมจะซื้อผ่านโปรกเกอร์ชาวจีนทางออนไลน์ไม่ต้องเดินทางเข้ามาดูโครงการ ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีการซื้อขายผ่านรูปแบบต่างๆ เช่น ผ่านนอมินีที่เป็นคนไทยที่ไว้ใจได้, ผ่านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์, ผ่านการทำธุรกิจลงทุนในประเทศไทยเกิน 40 ล้านบาท, ผ่านการจัดตั้งบริษัท, และผ่านการจดทะเบียนสมรสกับคนไทย
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ปัจจุบันนี้้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ถูกนักลงทุนจีน หอบเงินก้อนใหญ่หลักร้อยล้านบาทมาลงทุนก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่แทนการเข้ามาซื้อบ้านที่มีชาวไทยเป็นผู้ลงทุนโดยใช้นอมินีชาวไทยบังหน้าในการจดทะเบียนนิติบุุคคล แต่เม็ดเงินลงทุนเป็นของชาวจีน 100% และมีการเปิดขายบ้านให้กับชาวจีนทางออนไลน์โดยคาดว่ามีไม่ตำ่กว่า 10-20 โครงการซึ่งหากภาครัฐยังปล่อยให้มีการลงทุนในรูปนี้โดยไม่มีการตรวจสอบต่อไปที่ดินแปลงเล็ก หรือแปลงใหญ่จะถูกกว้านซื้อไปทั้งหมด เพราะชาวจีนมีเงินลงทุนจำนวนมหาศาล และนั่นหมายถึงว่า ชาวเชียงใหม่ อาจจะต้องเช่าที่ดินต่างชาติเป็นที่อยู่อาศัย
ดังนั้น ทางสมาคมฯมองว่า รัฐบาลควรจะปรับตัวให้ทันการการเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติ และปิดช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้มากที่สุด ซึ่งไม่เพียงเฉพาะนักลงทุนชาวจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักลงทุนจากประเทศอื่นๆด้วย แต่หากจะส่งเสริมการลงทุนให้ถูกต้องส่วนหนึ่งอาจจะมีมาตรการกระตุ้นให้การลงทุนที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นให้มีเม็ดเงินเข้ามาในประเทศไทยและช่วยให้ธุรกิจอสังหาริทพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ขับเคลื่อนต่อไปได้โดยในปี 2565 มีมูลค่าการขายอสังหาริมทรัพย์ 9,000ล้านบาท ส่วนแนวโน้มในปี 2566 คาดว่าตัวเลขจะขยับสูงขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30
ผู้สื่อข่าวได้ไปสำรวจทำเลที่ตั้งของบ้านจัดสรรที่มีชาวจีนเข้ามาลงทุน และซื้อบ้านจัดสรร พบว่าในย่านตำบลสันผักหวาน ทั้งโครงการมีการลงทุน 350 ล้านบาทขายให้กับชาวจีน100%ไปแล้วจำนวน 43 ยูนิตในราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่หมู่บ้านเก่าในย่านสันกำแพง ได้มีนักลงทุนชาวจีนได้ซื้อกิจการสร้างวิลล่าราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป และอยู่ระหว่างการเปิดเฟสสร้างบ้านตัวอย่าง และนักลงทุนจีนยังมาลงทุนสร้างร้านอาหาร และซูเปอร์มาเก็ตจีนอีกหลายแห่ง โดยเจ้าของคนเป็นคนจีน แต่เอกสารทางกฎหมายมีชื่อคนไทยที่มารับเป็นนอมินี
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานว่าภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศ ในช่วง 9 เดือน ปี 2565 พบว่ามีจำนวน 7,290 หน่วย เพิ่มขึ้น 19.0% มูลค่า 36,986 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% โดยชาวจีน เป็นสัญชาติที่มีการโอนห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศ จำนวน 3,562 หน่วย สัดส่วนสูงถึง 48.9% ของหน่วยทั้งหมด มูลค่าโอน17,943 ล้านบาท สูงถึง 48.5% ของมูลค่าทั้งหมด
หากดูข้อมูล 5 ปี ระหว่างช่วงปี 2561-2565คนต่างชาติเข้ามาซื้อห้องชุด ในประเทศไทยไปแล้วรวม 50,000 หน่วย มีมูลค่ากว่า 230,329 ล้านบาท โดยลูกค้าชาวจีน มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สูงกว่า 124,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดห้องชุดถึง 50% ขณะที่จัง หวัดที่มีจำนวนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่กรุงเทพฯ, ชลบุรี, ภูเก็ต, สมุทรปราการ และเชียงใหม่
นายวีระวิทย์ แสงจักร ตัวแทนผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก ในชุมชนล่ามช้าง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้โรงแรมขนาดเล็ก- ขนาดกลาง และร้านอาหาร กว่า 100 แห่ง ในย่านถนนท่าแพ, ถนนลอยเคราะห์, ย่านสมเพชร, ย่านช้างเผือก และพื้นที่โดยรอบสี่เหลี่ยมคูเมืองเชียงใหม่ได้ถูกเปลี่ยนมือเป็นของนักลงทุนชาวจีนที่ถือเงินสดเข้ามาซื้อกิจการไปแล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อน่าจะเกินหลักพันล้านบาท และมีแนวโน้มว่าการช้อนซื้อโรงแรม และกิจการเพ่ื่อมาปรับปรุงใหม่มีการขยายตัวสูงขึ้น
โดยจะใช้วิธีจ้างบริษัทกฎหมายเข้ามาจัดการจดทะเบียนนิติบุคคลที่มีคนไทยถือหุ้นทั้ง7คน และซื้อเป็นเงินสด เมื่อโอนกรรมสิทธิ์แล้วจากนั้นจะมีการทำหนังสือการรับรองการประชุมให้เช่ารายเดือน สัญญาระยะยาว ให้กับชาวจีนที่เป็นผู้ซื้อ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีการเข้าไปกว้านซื้อคอนโดมิเนียมท่ี่ยังปิดการขายไม่หมดเพื่อมาปรับปรุงเป็นที่พักให้ชาวจีนด้วยกัน หากว่าภาครัฐยังไม่มีกฎหมายที่มาจัดการนอมินี มีความเป็นห่วงว่าแผ่นดินจะหายไปด้วยการไปตกไปอยู่ในมือของต่างชาติ