กนอ.แจ้ง 2 ข้อหา เอาผิดผู้ลักลอบทิ้งสารเคมีหลังนิคมฯ แก่งคอย
กนอ. แจ้งความดำเนินคดีผู้ลักลอบทิ้งสารเคมีในพื้นที่ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย จังหวัดสระบุรี 2 ข้อหา ลักลอบทิ้งสารเคมี และบุกรุกสถานที่ราชการ กำชับเฝ้าระวัง-หมั่นตรวจตราพื้นที่เสี่ยง
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ขับรถบรรทุกสารเคมี นำสารเคมีมาทิ้งไว้ในพื้นที่ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย ตำบลบ้านธาตุ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีว่า จากการตรวจสอบพบว่า สารเคมีดังกล่าวมีลักษณะเป็นของเหลวสีเขียว มีกลิ่นฉุนคล้ายน้ำมัน ซึ่งอาจมีองค์ประกอบของกรดเข้มข้นบางชนิด ส่งผลให้หน้าดินบริเวณพื้นที่ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย 29.3 ตารางเมตร ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีดังกล่าวส่งผลกระทบกับชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย จึงสั่งการให้ระงับเหตุเบื้องต้น ดังนี้
1.ปิดกั้นพื้นที่บริเวณจุดที่มีการลักลอบทิ้งสารเคมี ด้วยการนำเชือกกั้นพื้นที่ และนำกระสอบทรายมากั้นเป็นการชั่วคราว รวมถึงปิดกั้นพื้นที่ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมไม่ให้รถบรรทุกผ่านเข้า-ออก
2.นำกระสอบทรายปิดกั้นรางระบายน้ำฝน เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีรั่วไหลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง
3.นำปูนขาวมาปรับสภาพพื้นที่จุดที่มีการลักลอบทิ้งสารเคมี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยบริษัทรับกำจัดกากได้เข้ามารับกากไปกำจัดแล้วเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา
“กนอ.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าวแล้วใน 2 ข้อหาด้วยกัน คือ ลักลอบทิ้งกากสารเคมี และบุกรุกสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้กระทำความผิด พร้อมทั้งอายัดรถบรรทุกสารเคมีที่ลักลอบนำสารเคมีมาทิ้งไว้เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีแล้ว"
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลให้หน้าดินบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย ไม้ยืนต้นในพื้นที่ตายจำนวนมาก นอกจากนี้ นิคมอุตสาหกรรมแก่งคอยยังต้องจ่ายค่ากำจัดสารเคมีในเบื้องต้นแล้ว จำนวน 326,700 บาท อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ได้กำชับไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้เฝ้าระวังและหมั่นตรวจตราพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมให้เข้มงวดมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ กนอ. ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อาทิสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี เพื่อเก็บตัวอย่างของเหลวและกากสารเคมีไปตรวจวิเคราะห์ คาดว่าจะทราบผลการตรวจภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษภาคที่ 7 (สคพ.7) ได้นำตัวอย่างดินก่อนนำกากสารเคมีไปกำจัด ไปตรวจค่าความเป็นกรด-ด่าง (ค่า pH) ในเบื้องต้นพบว่า มีค่าความเป็นกรดมาก