'อธิรัฐ รัตนเศรษฐ' ควบรัฐมนตรีว่าการคมนาคม ยันโครงการลงทุนไม่สะดุด
“อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” รับหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง “ศักดิ์สยาม” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ยืนยันโครงการลงทุนไม่สะดุด ชงเข้า ครม.ตามขั้นตอน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีตั้งแต่วันนี้ (3 มี.ค.2566) จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยถึงกรณีที่มีคำร้องเกี่ยวกับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน เป็นการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 โดยตนได้รับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ และขณะนี้ได้หยุดปฏิบัติภารกิจเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ดี ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่เตรียมจะชี้แจง โดยยืนยันว่าได้ถอนหุ้นจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ก่อนรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีอย่างชัดเจน ทั้งนี้ตนจะชี้แจงข้อกล่าวหาตามกรอบเวลากำหนดภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากศาลอย่างเป็นทางการ ส่วนในระหว่างช่วงหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะปฏิบัติหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
“ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่ รัฐมนตรีอธิรัฐจะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ดังนั้นโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และงานอื่นๆ ที่ต้องได้รับการพิจารณาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะไม่สะดุดอย่างแน่นอน สามารถพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน” นายศักดิ์สยาม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยคำร้อง กรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 54 คน ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ร้อง) ว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ผู้ถูกร้อง) ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกร้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน เป็นการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187
โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (9) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย