ครม.ไฟเขียวปรับเกณฑ์ 'LTR VISA'เพิ่มกลุ่มบุคลากรในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ครม.ไฟเขียวปรับเกณฑ์LTR VISA เพิ่มกลุ่มบุคลากรในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพิ่มอีกหลายสาขาทั้งขนส่ง ปิโตรเคมี การตั้งบริษัทข้ามประเทศในไทย เพื่อดึงแรงงานทักษะสูงเข้าไทยมากขึ้น
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี วันนี้ (7 มีนาคม 2566) เห็นชอบปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมายของผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ภายใต้การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย Long-Term Resident Visa (LTR Visa) โดยเพิ่มอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่
1) อุตสาหกรรมขนส่ง และโลจิสติกส์
2) อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
3) ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
และ 4) อุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยชาวต่างชาติขอรับการรับรองคุณสมบัติฯ ซึ่งต้องทำงาน โดยใช้ทักษะเชี่ยวชาญพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง ใน 9 ด้าน เช่น การวิจัย และพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือเทคโนโลยีเป้าหมาย(เช่นเทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี)
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับอาชีวศึกษา หรืออุดมศึกษา การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ในการประกอบธุรกิจ การบริการด้านระงับข้อพิพาท
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้คณะกรรมการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ไทย
ซึ่งมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นประธาน มีอำนาจในการประกาศกำหนดเพิ่ม ลด หรือปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมายได้ ตามความเหมาะสม เพื่อลดเวลาในการดำเนินการ และสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงสู่ประเทศไทยได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมายของ LTR Visa ใหม่ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน ที่ได้รับ LTR Visa สามารถทำกิจกรรมซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในไทยได้ในระยะยาวด้วย