กกพ. เคาะค่าไฟ พ.ค. - ส.ค. 66 อัตราเดียว 4.77 บาท ประชาชนจ่ายเพิ่ม 5 สตางค์

กกพ. เคาะค่าไฟ พ.ค. - ส.ค. 66 อัตราเดียว 4.77 บาท ประชาชนจ่ายเพิ่ม 5 สตางค์

"กกพ." เคาะค่าเอฟที 98.27 สตางค์/หน่วย จ่ายอัตราเดียวหน่วยละ 4.77 บาท ทั้งประชาชน - ภาคธุรกิจ มีผลรอบ พ.ค. - ส.ค. 66

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า จากการประชุม กกพ. ครั้งที่ 12/2566 (ครั้งที่ 840) เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ได้มีมติให้สำนักงาน กกพ. นำค่าเอฟทีประมาณการงวดเดือนพ.ค. - ส.ค.2566 และแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นทั้ง 3 กรณี ได้แก่

  • กรณีที่ 1 ค่าเอฟทีเรียกเก็บ 293.60 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 6.72 บาทต่อหน่วย
  • กรณีที่ 2 ค่าเอฟทีเรียกเก็บ 105.25 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 4.84 บาทต่อหน่วย
  • กรณีที่ 3 ค่าเอฟทีเรียกเก็บ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 4.77 บาทต่อหน่วย

ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ไปตั้งแต่วันที่ 10 – 20 มีนาคม 2566 นั้น ซึ่งสำนักงาน กกพ. ได้รวบรวมและสรุปประเด็นความคิดเห็นต่อการปรับค่าเอฟทีครั้งนี้ ได้ดังนี้

สำหรับข้อสรุปความเห็นการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 ผ่านช่องทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ.

  • ร้อยละ 15 เห็นด้วยกับกรณีศึกษาที่ 1 (ค่าเอฟที 293.60 สตางค์ต่อหน่วย)
  • ร้อยละ 10 เห็นด้วยกับกรณีศึกษาที่ 2 (ค่าเอฟที 105.25 สตางค์ต่อหน่วย)
  • ร้อยละ 30 เห็นด้วยกับกรณีศึกษาที่ 3 (ค่าเอฟที 98.27 สตางค์ต่อหน่วย)
  • ร้อยละ 10 ให้คงค่าเอฟที เท่ากับ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย
  • ร้อยละ 25 ความเห็นอื่นๆ
  • ร้อยละ 10 คำถาม

กกพ. ในการประชุม ครั้งที่ 15/2566 (ครั้งที่ 843) วันที่ 22 มีนาคม 2566 มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟที และได้พิจารณากรณีศึกษาการปรับค่าเอฟทีขายปลีก สำหรับเรียกเก็บในงวด พฤษภาคม - สิงหาคม 2566 โดยมีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเป็นอัตราเดียวกันสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เท่ากับ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ กกพ. ได้พิจารณาหนังสือยืนยันจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงความเหมาะสมของอัตราค่าไฟฟ้า 4.77 บาทต่อหน่วย

นายคมกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการพิจารณาค่าเอฟทีในงวดเดือนพ.ค. - ส.ค. 2566 เป็นการประมาณการค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นโดยอ้างอิงจากข้อมูลจริงเฉลี่ยในเดือนมกราคม 2566 หากการดำเนินการจริงมีการเปลี่ยนแปลงไปจากค่าประมาณการดังกล่าว กกพ. จะนำส่วนต่างค่าใช้จ่ายมาปรับปรุงการคิดค่าเอฟที ในรอบต่อๆ ไป ตามหลักเกณฑ์การคำนวณค่าเอฟที

รายงานข่าวระบุว่า ค่าไฟฟ้ารอบเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 กกพ. มีมติเรียกเก็บในส่วนของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่อัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย จะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย โดยใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในราคา 238 บาทต่อล้านบีทียู ทดแทนราคาก๊าซนำเข้าที่ราคาสูง ส่วนภาคเอกชนจ่ายที่หน่วยละ 5.33 บาท ดังนั้น ค่าไฟงวดเดือนพ.ค.-เม.ย. ภาคประชาชนปรับขึ้นหน่วยละ 5 สตางค์ ส่วนภาคอุตสาหกรรมลดลง 56 สตางค์

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์