เอดีบีชี้เอเชียเผชิญภารกิจสุดหินในการแก้เงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันพุ่ง
เอดีบีชี้เอเชียเผชิญภารกิจสุดหินในการแก้เงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันพุ่ง เพราะประเทศส่วนใหญ่ของเอเชียล้วนเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน เช่น อินโดนีเซีย และประเทศในเอเชียกลาง
นายอัลเบิร์ต พาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ระบุในรายการ "Squawk Box Asia" ของสถานีโทรทัศน์ช่องซีเอ็นบีซีในวันนี้ (4 เม.ย.) ว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะทำให้รัฐบาลในเอเชียต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากเพื่อจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อสูง
นายพาร์กกล่าวว่า ประเทศส่วนใหญ่ของเอเชียล้วนเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน เช่น อินโดนีเซีย และประเทศในเอเชียกลาง โดยการที่โอเปกพลัสมีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะยานขึ้น
"เมื่อราคาน้ำมันจากโอเปกพุ่งสูงขึ้นและอุปสงค์จากจีนเพิ่มสูงขึ้น ราคาน้ำมันจะสูงกว่าที่เราเคยคาดการณ์เอาไว้ที่ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล" นายพาร์ก ระบุ
"กรณีดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันต่อเอเชีย เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นย่อมส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งยังเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ"
นายพาร์กระบุว่า กรณีดังกล่าวสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลระดับภูมิภาคต้องดำเนินการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน
ขณะเดียวกัน นายพาร์กกล่าวว่า เงินเฟ้อทั่วไปภายในเอเชียนั้นเริ่มลดลงแล้ว แต่เงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนนั้น "ยังคงสูงกว่าปกติ" ในหลายประเทศ
เจ้าหน้าที่กำกับดูแลนโยบายการเงินจำเป็นต้องระมัดระวัง และเราอาจยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเอเชีย แต่ระดับของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นจะชะลอตัวลงอย่างมาก" นายพาร์กระบุ