'ชาติไทยพัฒนา' มั่นใจรู้จริงภาคตะวันออก ดันผลไม้นอกฤดู-ท่องเที่ยวยั่งยืน
'ชาติไทยพัฒนา' โชว์ประสบการณ์รู้จริงพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมดันระเบียงผลไม้ (EFC) แช่แข็งขายนอกฤดูกาล สร้างมูลค่าเพิ่ม หนุนท่องเที่ยวยั่งยืนโดยคนไทย ไม่ใช่ทุนต่างชาติ
นายสันติ กีระนันท์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวบนเวทีดีเบตนโยบายหาเสียง ฟังนโยบายภาคตะวันออก เชิญแกนนำพรรคการเมืองร่วมเวทีภายใต้โครงการ “Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย” จัดโดยเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2566 ที่ จ.ชลบุรี ว่า พรรรคเราไม่เชื่อประชานิยมที่ไร้เหตุผล ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างยั่งยืน พรรคจึงเสนอนโยบายสำหรับภาคตะวันออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ประกอบด้วย ด้านเกษตรกรรม ในการผลักดันระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) ส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนที่กระจายรายได้ให้กับคนในพื้นที่ รวมทั้งการแก้ปัญหา ปลดล็อกและฟื้นฟูประมงชายฝั่ง
"รายได้ต่อหัวของประชากรภาคตะวันออกถือเป็นภูมิภาคที่มีรายได้สูงที่สุดในประเทศ โดย 65% มาจากภาคอุตสาหกรรม 25% จากภาคบริการและการท่องเที่ยว และอีก 6% มาจากภาคการเกษตร"
ทั้งนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาคุ้ยเคยกับการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก ตั้งแต่ปี 2532 ที่มี นายบรรหาร ศิลปอาชา รมว.อุตสาหกรรม ในยุคนั้น ได้มีการผลักดันให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมในอีสเทิร์นซีบอร์ดอย่างเป็นรูปธรรม และต่อยอดเป็นการผลักดันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยมีเป้าหมายให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมมูลค่าสูง เช่น นวัตกรรม และเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ใช่เพียงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และรถไฟฟ้าฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเท่านั้น โดยเราจะเร่งให้โครงการที่คั่งค้างเดินหน้าต่อ
ส่วนในภาคการเกษตร จะผลักดันให้เกิด Eastern Fruit Corridor (EFC) มาสร้างห้องเยือกแข็ง เพื่อถนอมสภาพผลไม้เพื่อขายนอกฤดูกาล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวประมงซึ่งอยู่ในขั้นตอนชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาฯ เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวต้องเป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เพราะทรัพยากรท่องเที่ยวเป็นของคนไทย ต้องเกิดประโยชน์ต่อคนไทย โดยจะไม่ให้ทุนต่างชาติมาใช้ทรัพยากรไทยหากินบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป