'บีทีเอส' เดินหน้าเตรียมเปิดรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลุ้น รฟม.สอบมาตรฐานปลอดภัย

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง โดยระบุว่า ขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดของงานระบบรถไฟฟ้าหลายๆ ระบบ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ตามมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล โดยตามสัญญาจะใช้เวลาในการตรวจสอบรายละเอียดประมาณ 21 วัน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จราวต้นเดือน มิ.ย.2566

ขณะที่ปัจจุบันทราบว่าผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง คือ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ได้ประกาศเปิดรับสมัครพนักงานเพื่อดำเนินงานในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายนี้ในวันที่ 3 มิ.ย.2566 โดยกระทรวงฯ ประเมินว่ามีความเป็นไปได้ หาก รฟม.สามารถตรวจสอบรายละเอียดความปลอดภัยแล้วเสร็จ

แต่อย่างไรก็ดี หากเอกชนจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ก็จำเป็นต้องเปิดให้บริการฟรีแก่ประชาชนก่อน เนื่องจากการจัดเก็บค่าโดยสารนั้น ตามกฎหมายแล้วจะต้องมีการยื่นขออนุมัติอัตราราคาดังกล่าวสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งต้องการมีออกประกาศราชกิจจานุเบกษาว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร และทางเอกชนจะต้องประกาศราคาที่จะมีผลใช้งานล่วงหน้า 30 วัน

“ตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบความพร้อม รายละเอียดของความปลอดภัย ซึ่งหากต้นเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าจริง ก็คงเป็นการเปิดให้บริการแบบไม่เป็นทางการ ไม่ได้มีการจัดเก็บค่าโดยสาร ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มในขั้นตอนพิจารณาอัตราค่าโดยสารเลย”

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า อัตราค่าโดยสารเบื้องต้นมีการคำนวณตามสัญญาสัมปทานปี 2559 กำหนดค่าโดยสารเริ่มต้น 14 บาท สูงสุด 42 บาท แต่อย่างไรก็ดี ก่อนเปิดให้บริการจะต้องปรับอัตราค่าโดยสารตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อีกครั้ง โดยจะใช้ CPI 3 เดือนก่อนวันที่เริ่มให้บริการ ดังนั้นหากสามารถเปิดบริการจริงได้ในวันที่ 3 มิ.ย.2566 อัตราค่าโดยสารจะเริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท ซึ่งปรับตาม CPI เดือน มี.ค.2566

สำหรับเอกชนผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง จดทะเบียนดำเนินงานภายใต้บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH)