ความท้าทาย-โอกาสผู้ให้บริการ Data Center ไทยจากการเข้ามาของต่างชาติ
การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลทำให้องค์กรและภาคธุรกิจเริ่มนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและลดต้นทุนในการดำเนินงาน เช่น การติดตั้งอุปกรณ์ IoTs เพื่อควบคุมการทำงานอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) แบบ Real time
ด้วยเทคโนโลยี AI บนระบบ Cloud ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมีแนวโน้มขยายตัวโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่จะมีการใช้งานเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า จึงไม่แปลกใจที่เห็น Data center เกิดขึ้นใน EEC อย่างต่อเนื่อง อาทิ Supernap ในนิคม WHA ชลบุรี2 และ EEC Global Cloud ในพื้นที่บ้านฉาง ระยอง ซึ่งทั้ง 2 ราย ให้บริการครอบคลุมทั้ง Public cloud และ Co-location หรือการรับฝาก Server แก่ลูกค้าองค์กร เช่น หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ Gartner ได้คาดการณ์ว่าในปี 2023 ภาคธุรกิจไทยจะมีค่าใช้จ่ายในบริการ Cloud service เพิ่มขึ้น 32%YOY โดยการใช้บริการ IaaS (Infrastructure-as-a-Service) หรือบริการโครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Storage) จะเติบโตสูงสุดที่ราว 45%YOY
นอกจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลแล้ว นโยบายสนับสนุนการลงทุน Data center และ Cloud service จากภาครัฐเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดการขยายการลงทุนในธุรกิจนี้ ทั้งมาตรการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับกิจการ Data center รวมถึงมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี และการยกเว้นอากรขาเข้าอุปกรณ์จำเป็นในกิจการ Data center และ Cloud service ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของ BOI โดยปี 2022 ได้อนุมัติโครงการ Data center และ Cloud service มูลค่าราว 31,000 ล้านบาท และในปีนี้ยังมีการยื่นขอสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเฉพาะผู้ให้บริการไทย แต่รวมถึงผู้ให้บริการระดับโลก เช่น NTT จากญี่ปุ่นที่ประกาศลงทุนสร้างศูนย์ Data center BKK3 ในนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี รวมถึง AWS ที่ประกาศเปิดใช้งาน Cloud region และยังมีแผนก่อสร้างศูนย์ Data center ในไทยอีกด้วย
SCB EIC มองว่า การเข้ามาของผู้ให้บริการต่างชาติจะไม่ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในระยะแรก เนื่องจากความต้องการใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมีแนวโน้มเติบโตเร็วกว่าการขยายพื้นที่ให้บริการ แต่การพัฒนาคุณภาพบริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพศูนย์ Data center ถือเป็นความท้าทายสำคัญของผู้ให้บริการไทยในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยบริการที่ลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ได้แก่ ระบบเชื่อมโยงเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล ระบบแจ้งเตือนการทำงานอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมภายใน Data center เป็นต้น รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการโดยการรักษาคุณภาพศูนย์ Data center ตามมาตรฐานสากลทั้ง ISO/IEC 27001 และ Certificate เพิ่มเติมจากหน่วยงานกลางระดับโลกอย่าง Uptime Institute และ Telecommunication Industry Association (TIA)
อย่างไรก็ดี การเข้าใจธุรกิจท้องถิ่นยังคงเป็นข้อได้เปรียบของผู้ให้บริการไทยในการเข้าถึงลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ท้องถิ่น รวมถึงบริการที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบภาครัฐได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดในการเลือกใช้ Cloud ที่เหมาะสม และการนำเสนอบริการ Application บนระบบ Cloud ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่แท้จริง เช่น ระบบบริหารจัดการร้านค้า และการออกเอกสารอัตโนมัติตามระบบภาษีของไทย การตรวจสอบเอกสารทางการศึกษา
นอกจากนี้ การเข้ามาของผู้ให้บริการต่างชาติยังสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ให้บริการไทย จากการให้บริการ Co-location แก่ผู้ให้บริการ Cloud service ที่เข้ามาขยายโครงข่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการในไทยและประเทศข้างเคียง รวมถึงโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ให้บริการ Cloud service และผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการนำ Software มาทดสอบการใช้งานบนระบบปฏิบัติการต่าง ๆ รวมถึงการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่อย่างเครื่อง Server และ Storage มาเสริมการให้บริการกับลูกค้าให้แข็งแกร่งมากขึ้น อีกทั้ง การเข้ามาของผู้ให้บริการต่างชาติยังช่วยให้ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่เข้มแข็งก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต