กระทรวงอุตฯ เดดไลน์ 2.7 หมื่นโรงงาน เร่งส่งรายงานกากอุตสาหกรรมภายใน 30 มิ.ย.
กระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งเตือนทุกโรงงานเร่งรายงานข้อมูลการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้วตามกฎหมายฉบับใหม่ ภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2566 หลังพบกว่า 27,000 โรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียยังไม่รายงานข้อมูล ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท
นายวิษณุ ทับเที่ยง หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีแนวทางควบคุมผู้ก่อกำเนิดของเสีย โดยเฉพาะประเด็นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในมิติของการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม
โดยเมื่อเร็วๆนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ปรับปรุงกฎหมายฉบับล่าสุด คือ “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566” นำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายหรือเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ
โดยกำหนดความรับผิดตั้งแต่ต้นทางโรงงานผู้ก่อกำเนิด ไปจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจะได้รับการจัดการจนแล้วเสร็จ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ได้กำหนดให้โรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียทุกโรงงานต้องรายงานข้อมูลผ่านระบบการรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingle Form (https://isingleform.go.th/home) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของกระทรวงฯ ที่ใช้ในการกำหนดนโยบาย การกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงาน การป้องกันและปราบปรามการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม
โดยให้โรงงานต้องรายงานภายในกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดคือ 30 มิ.ย. 2566 หากฝ่าฝืนไม่รายงานหรือรายงานล่าช้ามีโทษปรับสุงสุด 20,000 บาท
“การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม จำเป็นต้องใช้กฎหมายในการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด และต้องมีการจัดการอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ของเสียจากภาคอุตสาหกรรมหลุดออกจากระบบ อาจส่งผลกระทบกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ดังนั้น จึงอยากแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รายงานข้อมูลกากอุตสาหกรรมให้เร่งดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด"
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียจำนวน 60,638 โรงงานทั่วประเทศ โดยมีโรงงานที่ยังไม่ได้รายงานข้อมูลกว่า 27,000 แห่ง
ทั้งนี้ ได้สั่งกำชับให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เร่งประสาน ติดตาม และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานรายงานข้อมูลการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้วผ่านระบบข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingle Form (https://isingleform.go.th/home) ภายในกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด คือไม่เกินวันที่คือ 30 มิ.ย. 2566 นี้ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท