กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งทวงเงินกู้ ASPL ล่าสุดสั่งฟ้องสหกรณ์ฯท่าอุเทน

กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งทวงเงินกู้  ASPL ล่าสุดสั่งฟ้องสหกรณ์ฯท่าอุเทน

กรมส่งเสริมสหกรณ์ สั่งฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จำกัด เร่งให้คืนเงินค่าโรงสีข้าวขนาด 40 ตันวงเงิน 8,775,900 บาท ตามเงื่อนไขโครงการ ASPL

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  เปิดเผยว่า ได้มอบอำนาจให้ผู้แทน ยื่นฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จำกัด จังหวัดนครพนม ฐานผิดสัญญาหลังจากที่สหกรณ์ ไม่สามารถหาเงินมาคืนค่าโรงสีข้าวขนาด 40 ตัน ที่ได้รับมอบจากกรมส่งเสริมสหกรณ์เมื่อปี พ.ศ.2544 ได้  

ทั้งนี้“โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคการเกษตร (ASPL)” ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำขึ้น เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาปัจจัยด้านการผลิต การตลาด และการจัดการผลผลิตให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสนองความต้องการของผู้บริโภค สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและเพิ่มอำนาจต่อรองของเกษตรกร

กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งทวงเงินกู้  ASPL ล่าสุดสั่งฟ้องสหกรณ์ฯท่าอุเทน กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งทวงเงินกู้  ASPL ล่าสุดสั่งฟ้องสหกรณ์ฯท่าอุเทน กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งทวงเงินกู้  ASPL ล่าสุดสั่งฟ้องสหกรณ์ฯท่าอุเทน กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งทวงเงินกู้  ASPL ล่าสุดสั่งฟ้องสหกรณ์ฯท่าอุเทน

 

โดยโครงการดังกล่าวได้กำหนดให้จัดสรรเงินอุดหนุนจ่ายขาดให้แก่สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์) เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โรงสี ไซโล ลานตาก ฉาง ฯลฯ โดยมีเงื่อนไขว่าให้สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์) ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์เข้าบัญชีที่เปิดในกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนด ไม่เกิน 20 ปี  เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนการดำเนินงานในลักษณะเดียวกันให้แก่สถาบันเกษตรกรอื่น ๆ ต่อไป 

ซึ่งในการดำเนินงานตามโครงการฯ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดได้ชี้แจงขั้นตอนการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งเงื่อนไขการส่งชำระเงินบริจาคและค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ โดยได้นำเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์ที่มีความประสงค์ขอรับการสนับสนุนจากกรมฯ เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบและร่วมกันพิจารณาการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งหากที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์มีมติขอรับการสนับสนุนงบประมาณและการเข้าร่วมโครงการแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการจัดทำบันทึกข้อตกลง/บันทึกคำยินยอมเข้าร่วมโครงการต่อไป

ทั้งนี้ ในระหว่างการดำเนินโครงการฯ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีมาตรการสำหรับช่วยเหลือสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการที่อาจประสบปัญหาและอุปสรรคในการส่งชำระเงินบริจาคและค่าธรรมเนียมอยู่ด้วยกันหลายมาตรการ อาทิ “มาตรการอนุมัติการขอปรับตารางการส่งชำระเงินบริจาคและค่าธรรมเนียม” “มาตรการอนุมัติงดหรือลดการส่งชำระเงินค่าธรรมเนียมให้แก่สหกรณ์ที่ต้องการส่งเงินบริจาคทั้งจำนวนก่อนครบกำหนด” “มาตรการอนุมัติเงินกู้ยืมอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 แก่สหกรณ์ที่ส่งชำระเงินได้ตามงวดกำหนด” รวมถึงมาตรการพิจารณาข้อเสนอการขอไกล่เกลี่ยประนีประนอม ทั้งก่อนและหลังศาลพิพากษาตามระเบียบของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านการชำระหนี้ของสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด

ซึ่งในกรณีของ “สหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จำกัด” ทางสหกรณ์ได้ขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์โรงสี ขนาด 40 ตัน/วัน จำนวนเงินบริจาค 8,775,900 บาท ระยะเวลาการส่งชำระเงินบริจาคเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ จำนวน 14 ปี โดยปลอดการส่งเงินบริจาคใน 2 ปีแรก และเริ่มส่งในปี 2545 ถึง 2558 ซึ่งเป็นไปตามคำยินยอม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2544 โดยในระยะต่อมาสหกรณ์ได้แจ้งความประสงค์ไม่สามารถชำระเงินบริจาคและค่าธรรมเนียมได้ตามกำหนดซึ่งกรมฯได้พิจารณาอนุมัติปรับตารางการส่งชำระเงินบริจาคและค่าธรรมเนียม เป็นจำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2548 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 โดยกองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้บันทึกลูกหนี้ ASPL ทั้งหมด เข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุนฯ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระของสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ ASPL จึงต้องดำเนินการตามระเบียบและแนวทางที่กองทุนพัฒนาสหกรณ์กำหนด

 

“ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมา กรมฯได้ติดตามการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์และปัจจัยพื้นฐานที่ได้รับการอุดหนุนจากโครงการเงินกู้ปรับโครงสร้างภาคการเกษตร ASPL มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำชับกับทุกสหกรณ์ว่าหากติดขัดปัญหาเรื่องการส่งชำระเงินค่าธรรมเนียมจากการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ ให้ดำเนินการประสานงานผ่านสำนักงานสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่เพื่อขอผ่อนผัน 

ทางกรมฯมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสหกรณ์อย่างเต็มที่ ส่วนในกรณีของ สหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จำกัด เป็นสหกรณ์ที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณและเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยผ่านมติจากที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์ 

รวมทั้งรับทราบเงื่อนไขการส่งชำระเงินบริจาคและค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีเอกสารการจัดทำบันทึกข้อตกลง/บันทึกคำยินยอมเป็นหลักฐาน หากสหกรณ์ทำผิดสัญญาและยืนยันที่จะไม่ชำระเงินคืนแก่กรมฯ กรมส่งเสริมสหกรณ์ก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”

ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 มีสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการเงินกู้ปรับโครงสร้างภาคการเกษตร ASPL จำนวน 191 แห่ง ได้ชำระเงินบริจาคและค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์แล้ว จำนวนเงิน 1,288.492 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 77.07 ของแผนการชำระ โดยมีสหกรณ์ที่หมดหนี้แล้ว จำนวน 151 แห่ง และสหกรณ์ที่ค้างชำระ จำนวน 39 แห่ง ศาลมีคำพิพากษาแล้วให้สหกรณ์ชดใช้เงินคืนตามสัญญา จำนวน 29 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินคดี จำนวน 10 แห่ง