สหรัฐ จ่อ งดส่งชิป ไปจีน ทำหุ้น ‘บิ๊กเทคสหรัฐ’ ร่วงหนัก กูรูแนะรีบขาย
“ฝ่ายบริหารโจไบเดน” เร่งออกกฎจำกัดการส่งออกชิปชั้นสูงไปจีน เริ่มจาก Nvidia ทำหุ้นบิ๊กเทคสหรัฐร่วงยกแผง ด้าน “ดร.กำพล” ชี้ P/E หุ้นเทคฯ สหรัฐแพงควรขายทำกำไร ส่วนหุ้นจีนแนะเก็บ “China A Share”
Key Points
- โจ ไบเดน เร่งออกกฎจำกัดการส่งออกชิปชั้นสูงไปจีน เริ่มที่บริษัท Nvidia
- ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐร่วงยกแผงในช่วงการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา
- ดร.กำพล ชี้ ไม่ใช่เวลาเก็บหุ้นเทคฯ สหรัฐ เพราะ P/E แพงกว่า 1 Standard Deviation ขณะที่ช่วงฟองสบู่เทคฯ ปี 2000 แพงขึ้น 2 Standard Deviation
- สำหรับจีน ดร.กำพล ชี้ แนะนำซื้อกลุ่ม “China A Share”
ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐไม่ได้อยู่เพียงการเมืองและการทูตเท่านั้น ทว่ายังลามไปถึงสงครามทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่แต่ละฝ่ายต้องการ “เล่นบทบาทนำ” ในเทคโนโลยีดังกล่าวเพราะมองว่าเป็น “อนาคตมนุษยชาติ” ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฮาร์ดแวร์สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI)
โดย ช่วงเช้าวันที่ 29 มิ.ย. 2566 หุ้นบริษัทอินวิเดีย คอร์ปอเรชั่น (NVIDIA Corporation) หรือ NVDIA และแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (Advanced Micro Devices) หรือ AMD สองบริษัทเทคเทคโนโลยีชิปของสหรัฐปรับตัวลงพร้อมกันอย่างต่อเนื่องที่ 1.81% และ 0.19% ตามลำดับจากความตึงเครียดของทั้งสองประเทศที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากท่าทีล่าสุดของสหรัฐที่ต้องการ “จำกัด” การส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ไปยังจีน
ประกอบกับ เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) ว่า ฝ่ายบริหารของโจ ไบเดน (Joe Biden) วางแผนที่จะกระชับการควบคุมการส่งออก ซึ่งจะประกาศในเดือน ต.ค. เพื่อ จํากัด การขายชิปปัญญาประดิษฐ์บางส่วนให้กับจีน ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการ “ขายเทคโนโลยีให้กับคู่แข่งเชิงกลยุทธ์ที่คนสําคัญ
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าในเดือนก.ค. สหรัฐจะแก้ไขการควบคุมการส่งออกเพื่อให้การขายชิปบางส่วนให้กับจีนโดยไม่มีใบอนุญาตทําได้ยากขึ้น ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่ชิป “A800 ของ Nvidia Corp.”
ด้าน โคเลตต์ เครสส์ (Colette Kress) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของอินวิเดีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงรายงานเกี่ยวกับข้อจํากัดที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ดี ความต้องการโดยรวมที่แข็งแกร่งสําหรับผลิตภัณฑ์ชี้ให้เห็นว่ายังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อรายได้หากมีการบังคับใช้กฎดังกล่าวจริง
เครสส์ กล่าวต่อว่า หากอ้างอิงตามศูนย์ข้อมูลของอินวิเดีย พบว่า การส่งออกสินค้าดังกล่าวไปจีนคิดเป็นประมาณ 20% ถึง 25% ของรายได้รวมของบริษัทฯ และในระยะยาวการห้ามส่งออกไปยังจีนก็นับเป็นการสูญเสียโอกาสทางการค้าครั้งสำคัญ
ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเน้นย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลของไบเดนที่จะยับยั้งการเติบโตทางเทคโนโลยีของจีน และอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ดี ในการบรรยายสรุปเมื่อวันพุธของ หลิว เผิงหยู (Liu Pengyu) โฆษกสถานทูตจีน อ้างถึงความเคลื่อนไหวของฝ่ายบริหารของไบเดน ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นตัวอย่างของการขาดความเคารพซึ่งทำให้วอชิงตันและปักกิ่งไม่สามารถหารือเกี่ยวกับประเด็นอื่น ๆ ได้อีก
"การสื่อสารต้องอาศัยความเคารพซึ่งกันและกันเป็นอันดับแรก และเรารู้ว่ามีข้อพิพาทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แต่เรายังไม่เห็นความคิดริเริ่มเชิงบวกใด ๆ จากฝั่งสหรัฐที่สื่อสารกับจริงอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา"
ด้าน ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส SCB Chief Investment Office (CIO) SCB เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐส่งผลกระทบให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐปรับตัวลดลงตลอดช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เท่าหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์แบบออนชอร์ (Onshore China AI) ที่ปรับตัวลงอย่างร้อนแรงมากกว่า 10% อย่างไรก็ดี เจเน็ต เยลเลน (Janet Yellen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐจะเดินทางไปเจรจากับจีนช่วงต้นเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องจับตาสำหรับความคืบหน้าของประเด็นดังกล่าว
“ต้องยอมรับว่าการจะผลิต Generative AI ได้ก็ต้องอาศัยฮาร์ดแวร์ ดังนั้นสหรัฐก็กลัวว่าจีนจะคัดลอกหรือนำเทคโนโลยีของสหรัฐไปพัฒนาเอไอของตัวเอง ดังนั้นจึงหาทางจำกัดการส่งออกชิปชั้นสูงไปประเทศดังกล่าว แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้ผลิตของสหรัฐก็ไม่ชอบเพราะรายได้จำนวนมากพอสมควรก็ได้จากจีน”
สำหรับประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทเดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย หรือ DELTA ซึ่งเป็นภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ โดยวันนี้ เวลา 11.30 น.ปรับตัวลดลง 1.25 บาท หรือ 1.33% มาอยู่ที่ 92.75 บาท
เมื่อถามถึงโอกาสในการลงทุน ดร.กำพล กล่าวว่า สำหรับหุ้นเทคฯ สหรัฐตอนนี้อยู่ในช่วงที่ราคาสูงเกินมาตรฐานไป 1 Standard Deviation ในขณะที่ในช่วงฟองสบู่เทคโนโลยีแพงกว่ามาตรฐานไป 2 Standard Deviation
ดังนั้นจึงแนะนำให้ขายทำกำไรมากกว่าทยอยเข้าซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ แล้วค่อยกลับมาซื้ออีกครั้งตอนตลาดปรับฐานลง ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไรเพราะต้องรอให้มีข่าวร้ายเข้ามากระทบตลาดก่อน อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศจีนแนะนำให้ซื้อหุ้นกลุ่มที่ซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น หรือ China A Share