'แรงงานต่างด้าว'หลุดระบบ5แสนคน 'หอการค้า'เตือนนายจ้างเตรียมขึ้นทะเบียน
“หอการค้าฯ” ส่งสัญญาณนายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าวทั่วประเทศ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกม.กว่า 5 แสนคนหวังหนุนให้ทำงานได้ถึง ก.พ.68 ชี้ความต้องการแรงงานเพิ่มหลังเศรษฐกิจขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้น เมกะโปรเจ็กต์ คาดดีนานด์โตต่อเนื่องแตะ 3 ล้านคน
กลไกการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมีเบื้องหลังคือแรงงานต่างด้าว เมื่อเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องความต้องการแรงงานต่างด้าวต้องเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกัน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงความคืบหน้าการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยเพื่อรองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานถือว่าเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 และมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญทั้งในและพื้นที่นอกเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ซึ่งการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ภาคประมงและอาหารแปรรูป ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น ซึ่งต้องใช้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยภาคเอกชนมีการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาครัฐโดยกระทรวงแรงงานเพื่อผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้แรงงานเหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
คาดดีมานด์จะเพิ่มถึง3ล้านคน
ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากในช่วงสถานการณ์โควิด -19 ที่ลดลงเหลือ 1.9 ล้านคน คาดว่าจำนวนแรงงานต่างด้าวในไทยจะค่อยๆเพิ่มขึ้น และมีโอกาสจะกลับไปอยู่ที่ระดับ 3 ล้านคน เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ซึ่งหอการค้าได้มีการหารือกับรัฐบาลว่าจะมีการเตรียมมาตรการรองรับในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม แรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยประมาณ 2.4 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นแรงงานตามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ที่เข้ามาทำงานในไทยแล้วใบอนุญาตทำงานหมดอายุไปตั้งแต่ 13 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา โดยมีการมาต่อใบอนุญาตทำงานเพียง 1.9 ล้านคน ที่เหลือเป็นแรงงานที่ยังไม่ได้ต่ออายุการทำงาน หรือมีการเปลี่ยนนายจ้างแต่ไม่ได้แจ้งอย่างถูกต้อง ทำให้สถานะในการเป็นแรงงานในขณะนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งมีอยู่จำนวนประมาณ 5 แสนคน
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาได้เห็นชอบให้คนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายสามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษโดยผ่อนผันให้ถึงวันที่ 31 ก.ค.2566 โดยนายจ้างมีหน้าที่ต้องดำเนินการยื่นบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าว (name list) ให้กับกระทรวงแรงงานเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าคนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันตามกฎหมาย และจากนั้นจะเสนอรัฐบาลใหม่ในการออกมาตรการเหมือนที่ทำ MOU รอบที่ผ่านมาในการต่ออายุให้แรงงานต่างด้าวทำงานทำงานในไทยได้อีก 2 ปี ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 13 ก.พ.2568
เตรียมเจรจารัฐแรงงานอยู่ยาว2ปี
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวว่าสาเหตุที่ ครม.อนุมัติระยะเวลาในการผ่อนผันให้แรงงานกลุ่มนี้ไว้เพียงประมาณ 1 เดือน ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 ก.ค.เนื่องจากในขณะนี้เป็นรัฐบาลรักษาการหากมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาออกไป แล้วยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ ก็จะเสนอขอขยายระยะเวลาจาก ครม.รักษาการอีกครั้ง ส่วนหากได้รัฐบาลใหม่เข้ามาก็จะเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาทั้งในเรื่องของกรอบระยะเวลา และแนวทางการขยายอายุ MOU ให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานในประเทศไทยได้ถึงเดือน ก.พ.2568
“แรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ที่มีอยู่ประมาณ 5 แสนคน เป็นแรงงานที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะอยู่ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งการก่อสร้าง อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ยางพารา ภาคการท่องเที่ยว และแรงงานที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการส่งออก ซึ่งแนวทางบริหารจัดการคือผ่อนผันให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้แรงงานกลุ่มนี้เข้ามามีส่วนในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในสาขาต่างๆ”
นายวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล กรรมการ หอการค้าไทย และรองประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอนั้น มีความสำคัญที่จะช่วยให้พลิกฟื้นเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมการส่งออก และภาคธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยกลับมาขับเคลื่อนศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของตนได้อีกครั้ง
โดยขอเชิญชวนและประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบกิจการที่ใช้แรงงานต่างด้าวทั่วประเทศ สมาชิกหอการค้าไทย หอการค้า จังหวัด และสมาคมการค้าต่างๆ โปรดเร่งดำเนินการนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องเพื่อให้ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานถึงวันที่ 31 ก.ค.2566 หากมีข้อสงสัยกรุณาติดต่อ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือโทรสายด่วน : 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน โทร. 1694