ประยุทธ์ อัปเดตสถานะประเทศ ชี้การคลังแกร่ง - ลงทุนโต พร้อมส่งต่อรัฐบาลใหม่

ประยุทธ์ อัปเดตสถานะประเทศ ชี้การคลังแกร่ง - ลงทุนโต พร้อมส่งต่อรัฐบาลใหม่

“ประยุทธ์” อัปเดตสถานะประเทศ ก่อนส่งต่อรัฐบาลใหม่ ชี้การคลังแกร่ง - ลงทุนโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน EEC และการลงทุน EV โครงสร้างพื้นฐานคืบหน้า และการท่องเที่ยวฟื้นตัวสร้างรายได้เข้าประเทศ

วันนี้ (26 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

ตนยังคงเฝ้าติดตาม ผลักดัน และกำกับดูแลแผนงาน-โครงการต่างๆ ที่ได้ริเริ่ม หรือสานต่อไว้ในทุกๆ เรื่องอย่างต่อเนื่อง และเสมอต้นเสมอปลาย โดยมีตัวชี้วัด และมุมมองจากประชาคมโลกหลายอย่าง ที่ยืนยันถึงการขับเคลื่อนประเทศของเรานั้น เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสมกับยุคสมัย รองรับการพัฒนาในอนาคต เช่น การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เห็นผลเป็นรูปธรรม การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ดีขึ้น และการพัฒนาที่มุ่งเน้นความยั่งยืน เป็นต้น 

 

โดยในวันนี้ (26 ก.ค.66) ผมขออัปเดตข้อมูลความคืบหน้า และทำความเข้าใจเพิ่มเติม สำหรับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาพรวมบ้านเมืองของเรา ดังนี้

 

1. การเงินการคลัง ณ ปัจจุบัน ถือว่ามีเสถียรภาพเข้มแข็งเพียงพอ สำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน-เร่งด่วนที่อาจจะเกิดขึ้น หรือคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 เดือนเศษ ของปีงบประมาณ 2566 (นับถึงสิ้นเดือนกันยายน 2566) เช่น น้ำท่วม-น้ำแล้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตลอดจนการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ เป็นต้น สำหรับทุนสำรองระหว่างประเทศก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง มากพอสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในสายตาชาวโลก

2. การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีความคืบหน้าอย่างมาก เช่น 

(1) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน เส้นทางนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทางรวม 420 กิโลเมตร มีความคืบหน้าในภาพรวมตลอดเส้นทาง มากกว่า 90% คาดว่าแล้วเสร็จภายในปลายปี 2566 นี้ ที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า รองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว และระบบเศรษฐกิจ เชื่อมโยงภาคกลาง-ภาคใต้ของประเทศ สำหรับสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร คืบหน้าราว 80% และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร ก็คืบหน้ากว่า 95% (ไม่รวมอุโมงค์รถไฟ 5 กิโลเมตร) 

 

(2) โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ)  คืบหน้ากว่า 82.55% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567 เชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า-พืชผลทางการเกษตร ระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม-จีน กระจายรายได้ และความเจริญในภาคอีสาน และภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ

 

3. การสร้างรายได้เข้าประเทศ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เกิดจากความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยจากประชาคมโลกในด้านต่างๆ เช่น 

(1) รายได้จากการท่องเที่ยวช่วง 7 เดือนนี้ สะสมรวมกว่า 1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวสะสมกว่า 14 ล้านคน เฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากกว่า 0.56 ล้านคน   

 

 

(2) นักลงทุนต่างชาติ สนใจลงทุนในพื้นที่ EEC ช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2566  มีมูลค่าการลงทุนกว่า 10,771 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 ของเงินลงทุนทั้งหมดในประเทศไทย

 

(3) การลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 15% เปรียบเทียบช่วงเดียวกันปี 2565 รวมมูลค่าการลงทุน 48,927 ล้านบาท สร้างการจ้างงาน 3,222 คน อีกทั้งตลาดรถ EV ในประเทศ มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง เพียงช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ มียอดจดทะเบียน EV มากถึง 31,738 คัน ขยายตัวถึง 3 เท่า ของจำนวนทั้งหมดในปี 2565

 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เดินหน้าเจรจากับต่างประเทศเพื่อการเปิดตลาดการค้าใหม่ และกระชับความสัมพันธ์เพื่อขยายการค้าการลงทุน เช่น ความร่วมมือทางการค้าของไทย-มาเลเซีย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าในระบบเศรษฐกิจระหว่างกันประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท ให้ได้ในปี 2568 โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ธุรกิจไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนในมาเลเซีย เช่น ธุรกิจสินค้าเกษตร และอาหารแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าฮาลาล ธุรกิจภัตตาคาร และร้านอาหารไทย และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว-การก่อสร้าง เป็นต้น

"ทั้งหมดนี้คือ ความพยายามของผมที่ไม่เคยลดละ ที่จะสร้างโอกาส-สร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิม ให้กับประชาชนทุกคน โดยผมเห็นว่าความสำเร็จเหล่านี้ เกิดจากความสามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจกันของคนในชาติ อีกทั้งความสงบสุขของบ้านเมืองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้การพัฒนาต่างๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมขอให้เราทุกคนช่วยกันรักษาบรรยากาศดีๆ นี้ ให้เป็นปกติสุขคู่สังคมไทยตลอดไปด้วย"

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์