'OR' มั่นใจเต็ม 100 ผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้ ไม่ขาดทุนซ้ำรอยปีก่อนแน่นอน
“โออาร์” มั่นใจเต็ม 100 ผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้ ไม่ขาดทุนเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 มีรายได้ 385,122 ล้าน กำไรสุทธิ 5,732 ล้าน มุ่งสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก เดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า มั่นใจ 100% เต็มว่าไตรมาส 4 ปีนี้การดำเนินธุรกิจจะไม่ขาดทุนเหมือนปีที่ผ่านมาแน่นอน โดยการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยต่าง ๆ อาทิ สภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตทั้งจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ มองว่าผลดำเนินงานครึ่งปีหลังในกลุ่มธุรกิจ Mobility จะปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle โดยเฉพาะคาเฟ่ อเมซอน ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแผนการขยายสาขา เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคนี้หลังจากโควิด ช่วยให้ปริมาณขายน้ำมันและคาเฟ่ อเมซอน เติบโตขึ้นในทุกประเทศเป็นสัญญาณบวก
สำหรับการขับเคลื่อนกลยุทธ์ขยายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจ Global จะมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ โดยเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ และร่วมกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ ตลอดจนหาโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนใหม่ในรูปแบบต่างๆ ที่มีศักยภาพ โดยประเทศยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของ OR คือประเทศกัมพูชาที่เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 รองจากประเทศไทย
ทั้งนี้ OR จะมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างมั่นคง และได้เริ่มนำแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพไปทดลองในตลาดต่างประเทศแล้ว อาทิ แบรนด์อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย (Otteri wash&dry) ไปเปิดสาขาแรกใน PTT Station สาขา Chbar Ampov ถือเป็นการนำพันธมิตรของ OR ไปบุกเบิกตลาดร้านสะดวกซักในประเทศกัมพูชา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภค และยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจให้กับเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในประเทศกัมพูชาที่ปัจจุบันมีอยู่ที่ 170 แห่ง
“ครึ่งปีหลังจะต้องจับตามองสภาพคล่องสหรัฐ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราทำธุรกิจซื้อขายน้ำมันทำงานเกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลดูแลผู้บริโภค ดังนั้น รายได้จะสะท้อนมาจากราคาน้ำมัน ปีที่แล้วราคาดูไบเฉลี่ยที่กว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปีนี้เฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อคำนวณคงเทียบกับปีที่แลัวไม่ได้ ปีนี้จึงต้องพยายามทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ”
นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลัง OR จะมุ่งเน้นการลงทุนที่สามารถต่อยอด Value Chain อย่างชัดเจนตามพันธกิจของ OR ได้ในระยะยาว และการสร้าง Synergy ร่วมทั้งจากภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโอกาสการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านสุขภาพ และ ความงาม (Health & Beauty) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์กระแสหลัก เรื่องการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) และกลุ่มประชากรในวัยทำงานที่จะถือเป็นกลุ่มหลักของคนในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มของการใส่ใจสุขภาพ และความงาม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนารูปแบบของการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ยังมองอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายคือ การท่องเที่ยวและที่พัก (Tourism & Accommodation) ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มสอดคล้องกับพันธกิจด้าน All Lifestyle ของ OR ที่ต้องการเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
“เรามั่นใจว่าจะฝ่าฟันไปได้ เพราะ 6 เดือนที่ผ่านมา หรือปีที่แล้วโดยเฉพาะไตรมาส 4 ก็ฝ่าฟันมาได้ แม้ครึ่งปีแรกราคาน้ำมันจะผันผวนก็ผ่านมาได้ แม้ธุรกิจผู้ขายน้ำมันมีแนวโน้มลดลงทุกราย แต่ผลดำเนินงาน OR ยังแข็งแกร่ง เพราะมีโอกาสในการเติบโตหลายอย่าง มีแผนและไม่หยุดอยู่กับที่ โดยเฉพาะธุรกิจรีเทล อาหาร สุขภาพและความงามมากขึ้น โดยสิ่งที่จะทำให้แข็งแกร่งคือเลือกพาร์ทเนอร์ที่ดี”
นอกจากนี้ OR อยู่ระหว่างเปิดบริการสภานีบริการน้ำมันชุมชน 1 ปั๊ม 1 อำเภอ เพื่อให้คนในชุมชนได้เป็นเจ้าของปั๊ม ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น กำลังจะมีเงินดิจิทัล จะเป็นโอกาสเพิ่มการใช้สอยให้กับประชาชน ดังนั้น ปั๊มชุมชนจะสามารถให้บริการคนในชุมชนนั้น ๆ ได้ มีเงินใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น
สำหรับคาเฟ่ อเมซอนไตรมาสแรกกับไตรมาส 2 ยอดขายโต 2.1% แม้จะขยายสาขาเยอะขึ้นก็ไม่กระทบสาขาเดิม ส่วนยอดขายแก้วอเมซอนโต 2.3% ส่วนขนมต่าง ๆ เติบโตเมื่อเทียบปีต่อปีที่ 7% ดังนั้น OR จะใช้ดาต้าช่วยให้หาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ทั้งธุกิจเดิมและธุรกิจใหม่มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
“ทุกธุรกิจมีการแข่งขัน เราชอบแข่งขันและพร้อมที่จะแข็งขัน ในธุรกิจนี้ยังไม่มีใครเด่น เป็นตลาดขนาดใหญ่เราสามารถมาดึงส่วนแบ่งตลาดนี้ได้ ด้วยการใช้ดาต้าเทคโนโลยี จึงต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน สิ่งที่เรามีคือโครงสร้างพื้นฐานมั่นคง ดังนั้น ทุกธุรกิจจึงจะไม่แตกต่างกัน จากการบริหารธุรกิจน้ำมันและกาแฟก็ทำได้ แล้วทำไมธุรกิจอื่น ๆ อย่าง สุขภาพ ความสวยความงามเราจะทำไม่ได้”
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2566 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายท่ามกลางหลายปัจจัยเสี่ยงทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงจากความกังวลต่อสภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยไตรมาส 2 ปี 2566 OR มีรายได้ขายและบริการจำนวน 187,708 ล้านบาท ลดลง 9,706 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,757 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 218 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2566 OR มีรายได้ขายและบริการ 385,122 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,600 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 5,732 ล้านบาท ลดลง 4,681 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงกว่าปกติ จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวนจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน
OR ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันการสร้างยอดขาย และกำไรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Energy Solution อาทิ ยางมะตอย น้ำมันอากาศยาน หรือผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants นอกจากนี้ ยังคงสานต่อการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมายใน 3 มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวทาง SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ
และเร็ว ๆ นี้ OR จะเปิดตัวแอปพลิเคชัน “เอ็กซ์พลอร์” (xplORe) ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังมีแผนเปิดตัวสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น flagship station ที่จะเป็นต้นแบบสถานีบริการในอนาคตนำเสนอทั้งจุดบริการเติมน้ำมัน และ สถานีอัดประจุไฟฟ้า (Seamless Mobility) พร้อมด้วยพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่และหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการทุกรูปแบบ (All Lifestyles) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop สะท้อนภาพ OR Ecosystem ที่ตอบโจทย์ด้าน Mobility & Lifestyle และรูปแบบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน