คนไทยเตรียมกินข้าวแพง หลังข้าวสารถุงจ่อขึ้นราคา
อินเดียแบนส่งออกข้าว –เอลนีโญดันราคาข้าวพุ่ง สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย สุดอั้น” ข้าวสารถุง” จ่อปรับราคาขึ้น ผู้บริโภคทำใจซื้อข้าวแพง
หลังทางการประเทศอินเดียประกาศเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ห้ามส่งออกข้าวทุกชนิด ยกเว้นให้แค่เพียงข้าวบาสมาติ (Basmati Rice) ที่ยังส่งออกได้ ส่งผลให้ตลาดข้าวโลกปั่นป่วน เพราะอินเดียเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของการค้าข้าวทั่วโลก เมื่ออินเดียห้ามส่งออกข้าวย่อมส่งผลให้ปริมาณการส่งออกข้าวทั่วโลกลดลง ดันราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้สภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนตกน้อย สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตข้าวของประเทศผู้ปลูกข้าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย วิเคราะห์ว่า หลังอินเดียแบนการส่งออกข้าวทำให้ราคาข้าว ก็ดีดขึ้นทันที หลายประเทศรอดูสถานการณ์ราคาข้าว ทำให้ตลาดค้าข้าวโลกเกิดการหยุดชะงักงัน ส่วนประเทศไทยราคาข้าวเปลือกก็ขยับสูงขึ้น
ปรากฏการณ์ที่ราคาข้าวเปลือกในประเทศที่ปรับตัวสูง ส่งผลต่อข้าวสารบรรจุถุงที่ผู้บริโภคต้องซื้อไปรับประทาน มีแนวโน้มที่จะปรับราคาขึ้น เพราะข้าวสารถือเป็นต้นทุนวัตถุดิบข้าวเพื่อมาสีแปรและบรรจุถุง ทำให้กระแสข่าวการปรับราคาข้าวถุงในช่วงสัปดาห์นี้ร้อยแรงขึ้นมา เนื่องจากข้าวสารที่อยู่ในสต๊อกเก่าหมดแล้ว ขณะที่ข้าวสารล็อตใหม่มีราคาแพงขึ้นมาก
ล่าสุดราคาข้าวล่าสุดราคาข้าวเปลือกราคาเพิ่มขึ้นอีก โดยข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 15,000-16,900 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเจ้า 12,000-12,500 บาทต่อตัน
นายยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนข้าวสารเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะข้าวขาว แต่สมาคมฯ และสมาชิกจะตรึงราคาอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค ที่ผ่านมาราคาข้าวสารปรับตัวสูงขึ้นจากอินดียแบนส่งออกข้าวและเรื่องปัญหาเอลนีโญ ส่งผลต่อต้นทุนที่ขึ้นไปสูงมาก โดยตัวข้าวสารซึ่งมีสัดส่วนในต้นทุน 80% ราคาเพิ่มขึ้น ก.ก.ละ 4 บาท
ขณะที่นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลราคาสินค้า เปิดเผยว่า กรมได้หารือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาข้าวสารบรรจุถุง โดย กรมได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการข้าวถุงตรึงราคาจำหน่าย และไม่ปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยผู้ประกอบการยินดีที่จะให้ความร่วมมือ แต่ต้องดูสถานการณ์ประกอบด้วย โดยเฉพาะต้นทุนข้าวว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
“จากการติดตามสถานการณ์ราคาข้าวถุง พบว่าข้าวหอมมะลิถุง 5 ก.ก. มีราคาเฉลี่ย 210 บาทต่อถุง เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 209 บาทต่อถุง ถือว่าราคายังทรงตัว ส่วนข้าวขาว 100% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 117.94 บาทต่อถุง เทียบกับปีก่อนเฉลี่ย 119 บาทต่อถุงถือว่าราคายังปกติ”
อย่างไรก็ตามแม้กรมการค้าภายในจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการเพื่อตรึงราคาข้าวถุงแต่ในความเป็นจริงราคาข้าวสารบรรจุถุงบางรายได้มีการปรับขึ้นไปแล้วเนื่องจากหมดโปรชั่นและข้าวสารในสต๊อกเก่าหมดแล้ว โดยคาดว่าข้าวสารบรรจุถุงขนาด 5 ก.ก.จะปรับขึ้นถุงละ 30 บาทหรือเฉลี่ย 6 บาทต่อก.ก.
จึงเป็นเรื่องยากที่จะตรึงราคาไว้ เพราะการที่อินเดียแบนส่งออกข้าว ถือว่ามีผลต่อราคาข้าวมาก ประกอบกับปัญหาเอลนีโญที่กระทบต่อปริมาณผลผลิตข้าว ถือเป็น 2 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวทะยานสูงขึ้น ส่งแรงกระแทกไปยังราคาข้าวสารบรรจุถุงปรับสูงขึ้นไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่มีความแน่นอนส่งผลผู้บริโภคก็ต้องซื้อข้าวแพงขึ้นอย่างแน่นอน