เกษตร ชวนซื้อลองกองใต้ ต.ค.นี้แก้ปัญหาผลผลิตเยอะราคาตก
กระทรวงเกษตรฯเชิญอุดหนุนลองกองปีนี้้ผลผลิต พุ่ง 47 % แตะ 6 หมื่นตัน ออกตลาดมากสุดในเดือนก.ย.- ต.ค. ร่วมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน
นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) เปิดเผย ว่า สถานการณ์ไม้ผลลองกองทั้งประเทศ ในปี 2566 ซึ่งจากข้อมูลพยากรณ์ของ สศก. (ณ 16 ส.ค. 2566) คาดว่า ปีนี้เนื้อที่ให้ผล161,441 ไร่ ลดลง 16.50 % จากปีที่แล้วที่มีเนื้อที่ให้ผล 193,350 ไร่ หรือลดลง 31,909 ไร่ ผลผลิต62,272 ตัน เพิ่มขึ้น 47.38 % จากปีที่แล้วที่ให้ผลผลิต 42,264 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 20,008 ตัน
ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล386 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้น 72.26 % จากปีที่แล้วที่ให้ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 219 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ เพิ่มขึ้น 167 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ เนื้อที่ให้ผลคาดว่าลดลงทุกภาค เนื่องจากเกษตรกรทยอยโค่นต้นลองกองออกเพื่อปลูกทุเรียนทดแทน หรือสางออกในสวนผสมเพื่อให้มีช่องว่างระหว่างต้นทุเรียนให้ได้รับแสงแดดสังเคราะห์แสงได้ดีขึ้น
โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกลองกองเป็นพืชแซม เก็บเกี่ยวขายผลผลิตเป็นผลพลอยได้ รวมทั้งขาดแคลนแรงงานในการแต่งช่อลองกองและเก็บเกี่ยวผลผลิต ประกอบกับความต้องการของตลาดปลายทางที่ส่งออกไปตลาดหลักในเวียดนามน้อยลง
ขณะที่ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลคาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากแหล่งผลิตสำคัญทางภาคใต้ สภาพอากาศเอื้ออำนวยกว่าปี 2565 ซึ่งมีฝนตกต่อเนื่องไม่มีช่วงแล้งเพียงพอให้ลองกองออกดอก แต่ปี 2566 คาดว่าจะมีช่วงแล้งก่อนออกดอก มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอ อุณหภูมิไม่ร้อนจัดในช่วงออกดอกและติดช่อ โดยภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตทางภาคใต้
หากพิจารณาเป็นรายภาค ภาพรวมพบว่าภาคเหนือเนื้อที่ให้ผลลดลง เนื่องจากเกษตรกรโค่นต้นลองกองอายุมากให้ผลผลิตน้อย และเปลี่ยนปลูกทุเรียนซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่า ผลผลิตรวมคาดว่าลดลง เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของลำต้น และอุณหภูมิร้อนจัดในช่วงออกดอกและติดช่อ ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตน้อยกว่าปีที่ผ่านมา
โดยผลผลิตภาคเหนือเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนก.ค.-พ.ย. 2566 หรือ ประมาณ 32 %ของผลผลิตทั้งประเทศ ทั้งนี้ภาคกลางเนื้อที่ให้ผลลดลง เนื่องจากเกษตรกรทยอยโค่นต้นลองกองออกเพื่อปลูกทุเรียนทดแทนหรือสางออกในสวนผสมเพื่อให้มีช่องว่างระหว่างต้นทุเรียนให้ได้รับแสงแดดสังเคราะห์แสงได้ดีขึ้น โดยผลผลิตลองกองปีนี้จะมีหลายรุ่น
ผลผลิตลองกองภาคกลางเริ่มเก็บเกี่ยวมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย.- ต.ค. 2566 ประมณ 12 % ของผลผลิตทั้งประเทศ ภาคใต้เนื้อที่ให้ผลลดลง เนื่องจากปัญหาราคาลองกองตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรจึงโค่นลองกองที่ปลูกเป็นพืชแซมออกตลอดทุกปี เพื่อดูแลพืชหลัก เช่น ทุเรียน ซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่า ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลและผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากปี 2566 คาดว่าสภาพอากาศเอื้ออำนวยมากกว่า มีช่วงแล้งก่อนออกดอก มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอ อุณหภูมิไม่ร้อนจัดในช่วงออกดอกและติดช่อ ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตเพิ่มขึ้น
แม้ว่าบางแหล่งผลิตเช่นจังหวัดชุมพร จะกระทบแล้งหลังการออกดอกในช่วงเดือนเม.ย. -พ.ค. 2566 ทำให้ดอกร่วง และบางส่วนยืนต้นตาย โดยผลผลิตลองกองภาคใต้จะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนม.ค.- มี.ค. 2566 และในเดือนมิ.ย.- ธ.ค. 2566 ประมาณ 55% ของผลผลิตทั้งประเทศ
ทั้งนี้ภาพรวมผลผลิตลองกองในประเทศ จะออกมากที่สุดในเดือนก.ย.- ต.ค. 2566 รวมจำนวน 46,696 ตัน ประมาณ 75 ของผลผลิตทั้งประเทศ แบ่งเป็นก.ย. ผลผลิตออกประมาณ 24,860 ตัน หรือประมาณ 40% ของผลผลิตทั้งประเทศ และ เดือน ต.ค. ประมาณ 21,836 ตัน หรือ 35 % ของผลผลิตทั้งประเทศ ส่วนใหญ่ เป็นผลผลิตของภาคใต้และภาคเหนือ
ทั้งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนร่วมสนับสนุนผลผลิตลองกองของเกษตรกร ซึ่งออกสู่ตลาดมากในเดือน ก.ย.-ต.ค. นี้้ นอกจากช่วยสนับสนุนเกษตรกร เป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรในการผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพแล้วยังช่วยกันร่วมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนอีกด้วย