บีโออีหั่นคาดการณ์ศก.อังกฤษ ชี้ถูกกระทบจากนโยบายคุมเข้มการเงิน

นอกจากนี้  บีโออียังระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะมีการขยายตัวอ่อนแอกว่าคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้

"มีสัญญาณบ่งชี้มากขึ้นถึงผลกระทบจากการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อตลาดแรงงาน และต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง คาดว่าเงินเฟ้อจากดัชนี CPI จะลดลงอย่างมากในระยะใกล้ ซึ่งสะท้อนถึงเงินเฟ้อจากหมวดพลังงานที่ลดลง แม้มีแรงกดดันครั้งใหม่จากราคาน้ำมัน แต่เงินเฟ้อจากภาคบริการยังคงอยู่ในระดับสูง" แถลงการณ์ของบีโออี ระบุ

ทั้งนี้ บีโออี สร้างความประหลาดใจต่อตลาดการเงินในวันนี้ โดยมีมติ 5-4 ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าบีโออีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50% ในการประชุมวันนี้

การตัดสินใจของบีโออีในวันนี้ ถือเป็นการปิดฉากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ได้ดำเนินมาติดต่อกัน 14 ครั้ง หลังข้อมูลบ่งชี้การชะลอตัวของเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ระบุว่าบีโออี พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง หากมีความจำเป็น เพื่อให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของบีโออีที่ระดับ 2%

ทั้งนี้ บีโออีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.1% สู่ระดับ 5.25% ในเดือนส.ค.2566 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ก่อนหน้านี้ นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า บีโออีจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง โดยนักลงทุนให้น้ำหนัก 55% ที่บีโออีจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ในการประชุมวันนี้ จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 20%

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ชะลอตัวสู่ระดับ 6.7% ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดีดตัวสู่ระดับ 7.0% จากระดับ 6.8% ในเดือนก.ค.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ชะลอตัวสู่ระดับ 6.2% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 6.8% จากระดับ 6.9% ในเดือนก.ค.

ก่อนการเปิดเผยดัชนี CPI นักลงทุนให้น้ำหนัก 80% ที่บีโออีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550