นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์น้ำ กำชับเฝ้าระวังทุกจุด

นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์น้ำ กำชับเฝ้าระวังทุกจุด

นายกรัฐมนตรี กังวลสถานการณ์น้ำ ตรวจงานกรมชลประทาน สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังทุกจุด เร่งระบายน้ำให้เร็วพร้อมกักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับฤดูแล้งหน้า

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ติดตามแนวโน้มสถานการณ์น้ำท่าในลำน้ำสายหลัก และการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำชี-มูล โดยมี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน และผู้บริหารกรมชลประทาน ให้การต้อนรับ ณ กรมชลประทาน สามเสน

นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์น้ำ กำชับเฝ้าระวังทุกจุด

นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์น้ำ กำชับเฝ้าระวังทุกจุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเฝ้าระวังทุกจุด รวมถึงให้มีการระบายน้ำให้เร็วและกักเก็บน้ำสำหรับใช้ในฤดูแล้งหน้า เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด

 ด้าน นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า  ได้ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่

นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์น้ำ กำชับเฝ้าระวังทุกจุด

 

  โดย ปัจจุบัน (27 ก.ย. 66) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 49,496 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 65% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 26,886 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 12,588 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 51% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 12,283 ล้าน ลบ.ม.

 

ในส่วนของการเพาะปลูกข้าวนาปีทั่วประเทศไปแล้ว 16 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 91 ของแผนฯ เก็บเกี่ยวแล้ว 5.68 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำนาปีไปแล้ว 7.71 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 94 ของแผนฯ เก็บเกี่ยวแล้ว 4.82 ล้านไร่ ในส่วนของสถานการณ์ค่าความเค็มใน 4 ลำน้ำสายหลัก(เจ้าพระยา บางปะกง ท่าจีน และแม่กลอง) ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

 

ด้านสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีมูล มีแนวโน้มลดลง กรมชลประทาน ได้จัดจราจรน้ำ เชื่อมโยงกันตั้งแต่ตอนบนของลุ่มน้ำชี โดยใช้เขื่อนระบายน้ำทั้ง 6 แห่ง ส่วนพื้นที่ตอนกลางได้ยกบานระบายเขื่อนทดน้ำทุกแห่ง ด้านพื้นที่ตอนปลายเร่งระบายน้ำผ่านเขื่อนปากมูลลงสู่แม่น้ำโขง ที่ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังคงต่ำกว่าแม่น้ำมูล ทำให้การระบายน้ำยังทำได้ดี แต่ยังคงเฝ้าระวังติดตามร่องมรสุมที่จะพาดผ่านในช่วงวันที่ 26 - 29 ก.ย. 66 ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่กับมีฝนตกหนักมากในบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

 

 

จึงได้สั่งการไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 66 และ 3 มาตราการเพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำไว้อ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่างๆ ให้ได้มากที่สุด บริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเจ้าหน้าที่ ประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน