‘เศรษฐา’ เอาใจค่ายรถญี่ปุ่น ปรับไม่ทัน ‘EV’ เล็งแพคเกจดึงลงทุน ‘รถน้ำมัน’
“เศรษฐา” ประกาศไทยฮับแห่งท้ายๆของโลกที่จะสนับสนุนรถยนต์ใช้น้ำมัน เล็งคลอดมาตรการสนับสนุน การย้ายฐานเข้ามาผลิตรถสันดาปในไทย ให้ช่วยปรับตัวก่อนเป็น EV เตรียมคุยแพคเกจกับญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.นี้ หนุนค่ายรถญี่ปุ่นย้ายฐานเข้าไทยเพิ่ม
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถา ในหัวข้อ “Next Chapter ประเทศไทย” วันนี้ (29 ก.ย.) ความตอนหนึ่งว่าในช่วงเดือน ธ.ค.ปีนี้ตนจะนำคณะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ โดยผมได้คุยกับหลายฝ่ายและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้วว่าในเรื่องการดึงการลงทุนเราไม่ลืมประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีการลงทุนทางตรง (FDI) ในประเทศไทยสูงที่สุดในประเทศไทยและทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตมากขึ้นถึงปัจจุบัน
วันนี้ตนเองได้รับเสียงสะท้อนจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นว่าในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ค่ายรถญี่ปุ่นนั้นอาจจะช้าและปรับตัวไม่ทัน เพราะเขาเริ่มในตรงนี้ช้าและเสียเปรียบในตลาดรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งในส่วนนี้เราก็จะพิจารณาให้เพราะว่าตลาดรถยนต์สันดาปในไทยนั้นเป็นตลาดใหญ่ และมีการจ้างงานอยู่จำนวนมากซึ่งไทยเราอาจมีนโยบายว่าจะทำอย่างไรให้ไทยเราเป็นยศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปหรือรถใช้น้ำมันที่ค่ายรถยนต์สามารถผลิตอยู่ได้เป็นช่วงท้ายๆ
ซึ่งอาจจะมีมาตรการแพคเกจที่สนับสนุนในเรื่องนี้ซึ่งตอนนี้กำลังคิดกันอยู่ และผมจะพูดคุยกันต่อเนื่องกับสมาคมยานยนต์เพื่อให้มีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาให้มาผลิตที่ไทยเพื่อให้ส่งออกไปทำให้ซัพพายเชนของรถยนต์สันดาปยาวออกไปแล้วให้เขาปรับตัวอยู่กับโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
“ญี่ปุ่นมีความกังวลว่าเมื่อรถอีวีเข้ามาเขาจะเสียเปรียบในทางธุรกิจแล้วทำให้เขาช้าไปนิดนึงเรื่องอีวี ผมยืนยันกับเจ้าหน้าที่บีโอไอว่าเราไม่ลืมต้นน้ำที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือเรามา เมืองไทยเคยเป็นดีทรอยซ์ออฟเอเชียเรามีรถยนต์สันดาปเยอะมากเราสนับสนุนอีวีเราก็จะสนับสนุนต่อไป แต่การที่เราจะเทคแคร์ธุรกิจเดิมที่รถยนต์สันดาปต้องมีต่อไป 10 – 15 ปีทำอย่างไรให้ธุรกิจนี้อยู่ได้ในไทย ถ้าซัพพายเชนหายไปหรือไม่ได้รับการสนับสนุนประชาชนที่ทำงานในประเทศไทยในอุตสาหกรรมนี้ก็จะเดือดร้อน”นายเศรษฐา กล่าว