อดีตผู้บริหาร กฟผ.-ภาคประชาชน เตรียมยืนนายกฯ จี้ตั้ง 'เทพรัตน์' นั่งผู้ว่าฯ
กลุ่มอดีตผู้บริหาร กฟผ.-ภาคประชาชน เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯ และ รมว.พลังงาน ชง "เทพรัตน์ เทพพิทักษ์" นั่งผู้ว่าฯ กฟผ.คนใหม่ หลังเจอภาวะหลุมดำการบริหารงาน 4 เดือน ขู่ สร.กฟผ.อาจเคลื่อนไหวใหญ่ พร้อมให้ยกเลิกค่าความพร้อมจ่าย คงสัดส่วนการผลิตไฟ 51% แก้ "ค่าไฟแพง" ยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มอดีตผู้ปฏิบัติงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และภาคประชาชน นำโดยนายพิเชษฐ์ ชูชื่น อดีตผู้บริหาร กฟผ., นายธรรมยุทธ สุทธิวิชา อดีตสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจกฟผ. (สร.กฟผ.) และนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดแถลงการณ์ถึงข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ว่าการกฟผ.คนที่ 16 และการแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพงที่ประชาชนเดือดร้อน
นายพิเชษฐ์ ชูชื่น อดีตผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าจะนะ และบางปะกง กฟผ. กล่าวว่า เตรียมยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงการคลัง และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงพลังงาน เพื่อให้เร่งพิจารณาใน 4 ประเด็นหลักได้แก่
1. ขอให้เร่งพิจารณาแต่งตั้งผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ (คนที่16) ที่ดำเนินการด้วยความถูกต้องและชอบธรรมผ่านคณะกรรมการสรรหาและคณะกรรมการ กฟผ. คือ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ แทน นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. ที่หมดวาระตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 2566
ทั้งนี้ ได้เสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานขณะนั้น คือ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ แต่ต่อมามีการยุบสภาไปเสียก่อนรัฐบาลรักษาการจึงดำเนินการไม่ได้จึงมีการนำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วแต่ กกต.ยืนยันว่าต้องเสนอรัฐบาลใหม่
ดังนั้นเรื่องนี้จึงอยู่ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่จะสามารถนำเสนอ ครม.ใหม่ได้เพราะเป็นการสรรหามาโดยชอบธรรมแล้ว
2.ขอให้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาการยกเลิกค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payments : AP) ของโรงไฟฟ้าเอกชนที่ปัจจุบันแม้จะเดินเครื่องการผลิตหรือไม่ก็ต้องจ่าย ทำให้ภาระดังกล่าวไปตกอยู่กับประชาชนที่จะต้องรับค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น
3.รัฐบาลควรพิจารณาสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ที่ไม่ให้ต่ำกว่า 51% เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 5 ว่าด้วยเรื่องหน้าที่ของรัฐ มาตรา 56 กิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐอันจําเป็นต่อ การดํารงชีวิตของประชาชนหรือเพื่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งรัฐจะกระทําด้วยประการใดให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของเอกชนหรือทําให้รัฐเป็นเจ้าของน้อยกว่า 51% มิได้
4.ขอให้พิจารณาทบทวนการกำหนดให้แยก ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าออกจากกฟผ.ที่มีบทบาทหน้าที่ มีอำนาจควบคุมด้านความมั่นคงและความเป็นธรรมของระบบไฟฟ้าของประเทศซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายหากแยกออกไปแล้วเอื้อต่อเอกชนเพราะกฟผ.ไม่ได้เป็นกิจการที่มุ่งแสวงหาผลกำไร
นายธรรมยุทธ สุทธิวิชา อดีตสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ.(สร.กฟผ.) กล่าวว่า การแต่งตั้งผู้ว่า กฟผ.ได้ใช้เวลาล่วงเลยมา 4 เดือนซึ่งไม่เคยมีในประวัตศาสตร์จึงมีการมองได้ว่านี่อาจจะเป็นการแทรกแซงจากกลุ่มทุนหรือไม่
ทำให้ กฟผ.ขาดผู้บริหารรวมถึงระดับผู้อำนวยการฝ่าย 10 กว่าท่านก็ได้เกษียณ รวมไปถึงระดับรองผู้ว่าการอีก 2 ท่านทำให้ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งจึงกลายเป็นเป็ดง่อยและหลุมดำของการบริหารงานจึงต้องการให้มีการนำเสนอ ครม.โดยเร็ว ซึ่งประเด็นนี้ทาง สร.กฟผ.ปัจจุบันกำลังติดตามอยู่หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องก็พร้อมจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
สำหรับในเรื่องค่าไฟฟ้าแพงนั้นในความเป็นจริงต้นกำเนิดเกิดมาจากในอดีตภาครัฐและกระทรวงพลังงานเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีบทบาทและกำหนดนโยบายในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้ามากเกินไปโดยขาดการสร้างความสมสมดุลย์ด้าน Demand และ Supply จะเห็นจากปัจจุบัน Supply มีมากกว่า Demand เกินครึ่งหนึ่ง
รวมทั้งยังกำหนดให้ กฟผ. ทำสัญญาจ่ายค่าความพร้อมและอื่น ๆ ตลอดจนปล่อยปละละเลยกำหนดนโยบายให้ใช้พลังงานหมุนเวียนมากเกินไปโดยอ้างปัญหาโลกร้อนและไปลงนามสัญญาร่วมกับประเทศต่างๆ โดยไม่ดูข้อจำกัดต่างๆ ภายในประเทศเหล่านี้ระยะต่อไปจำเป็นจะต้องเร่งแก้ไขปัญหา
“ค่าไฟที่ รมว.พลังงานได้มีนโยบายจนปรับลดลงนั้นเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ที่ ปัญหาจะไม่สามารถถูกแก้ได้อย่างยั่งยืนแน่นอน" นายธรรมยุทธกล่าว
ดังนั้นต้องแก้ไขที่ต้นเหตุคือการแก้ไขสัญญาที่รัฐเสียเปรีบกับเอกชนใหม่ เช่นค่าความพร้อมจ่าย เป็น แก้ไขสัญญาให้เป็นประโยชน์ต่อรัฐและประชาชนสำหรับรายใหม่ สร้างความสมดุลย์ Demand และ Supply อย่างสมเหตุสมผล เปิดเสรีการนำเข้าเชื้อเพลิง GAS (LNG) และเสรีการซื้อขายไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการแข่งขันจะทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง กำหนดให้ภาคเอกชนสามารถขอใช้ท่อ Gas จาก ปตท. ได้โดยไม่มีเงื่อนไข โดยการสนับสนุนจากรัฐบาล ควรให้ กฟผ.เป็นองค์กรหลักในการนำเสนอและจัดทำแผน PDP เพื่อนำเสนอรัฐบาลได้อย่างถูกต้อง
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประชาชนได้ร้องเรียนที่ผ่านมาถึงผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่แพงจนเดือดร้อน และแม้ว่ารัฐบาลใหม่ได้ประกาศลดค่าไฟฟ้าลงในเดือนก.ย.-ธ.ค.66 ถือเป็นเรื่องดีแต่ต้องแก้ไขให้ยั่งยืนที่จะต้องปรับโครงสร้างพลังงานอื่น ๆ เช่นค่า AP การเปิดเสรีนำเข้าเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟ ฯลฯ