'สุริยะ' ดันตั๋วร่วม ประกาศรถไฟฟ้า 20 บาท เริ่ม 16 ต.ค.นี้

'สุริยะ' ดันตั๋วร่วม ประกาศรถไฟฟ้า 20 บาท เริ่ม 16 ต.ค.นี้

"สุริยะ" สั่ง สนข.เร่งผลักดัน พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เตรียมเสนอเข้า ครม. ประกาศใช้ภายในรัฐบาลนี้ พร้อมจัดตั้งกองทุนกลางสนับสนุนส่วนต่างภาคเอกชน ย้ำรถไฟฟ้าทุกสายต้องใช้จ่ายผ่านบัตรใบเดียว ขณะที่นโยบาย 20 บาทตลอดสาย เริ่ม 16 ต.ค.66 นี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในงานวันคล้ายสถาปนาสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยระบุว่า สนข.ทำหน้าที่เป็นคลังสมองให้กับกระทรวงคมนาคม และนโยบายของรัฐบาลต้องการสนับสนุนการเดินทางไร้รอยต่อโจทย์ของ สนข.จึงต้องศึกษาแนวทางสร้างการขนส่งระบบราง รถไฟทางคู่ทั่วประเทศ การขนส่งทางน้ำ และการขนส่งทางบก จะพัฒนาอย่างไร ให้สามารถเชื่อมต่อกัน รวมถึงลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด ทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะที่เป็นธรรม ในราคาเหมาะสม

อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ทราบว่าปัจจุบัน สนข.ศึกษา พ.ร.บ.ตั๋วร่วม แล้วเสร็จ และเตรียมจะเสนอมายังกระทรวงคมนาคมพิจารณา ก่อนเสนอขอความเห็นชอบไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยกระทรวงฯ มีเป้าหมายจะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ พร้อมออกประกาศใช้ให้ได้ภายในรัฐบาลนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันลดค่าครองชีพการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ประชาชนจะสามารถเดินทางข้ามระบบทุกสายทางรถไฟฟ้าได้

สำหรับความคืบหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้นำส่งผลการศึกษาทั้งหมดมายังกระทรวงฯ แล้ว แต่จะยังไม่มีการบรรจุวาระเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.66) เนื่องจากนายกรัฐมนตรียังติดภารกิจในต่างประเทศ จึงคาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า ที่มีกำหนดประชุมวันที่ 16 ต.ค.2566 และเมื่อ ครม.เห็นชอบ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท จะประกาศใช้ได้ทันทีในช่วงบ่ายวันเดียวกัน แต่จะมีผลใช้เฉพาะการเดินทางในสายเดียว เนื่องจากการเดินทางข้ามสายต้องใช้เวลาติดตั้งซอฟต์แวร์ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถใช้งานได้ในเดือนพ.ย.นี้

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า นโยบายสำคัญที่รัฐบาลกำชับให้ สนข.เร่งเดินหน้าต่อคือ โครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (ชุมพร - ระนอง) หรือแลนด์บริดจ์ โดยภายในเดือนต.ค.นี้ จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติหลักการ หลังจากนั้นกระทรวงฯ จะเริ่มขั้นตอนประชาสัมพันธ์ข้อมูล เพื่อจูงใจนักลงทุน โดยจะทยอยเดินทางไปยังหลายประเทศในยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา ขณะเดียวกันคาดว่า สนข.จะจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จในต้นปี 2567 จึงคาดว่าในปีหน้าจะสามารถเริ่มขั้นตอนการลงทุน เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษระหว่างเมือง และระบบราง (MR-MAP) กระทรวงฯ ยังคงมีนโยบายให้ สนข.เดินหน้าศึกษาต่อ 

\'สุริยะ\' ดันตั๋วร่วม ประกาศรถไฟฟ้า 20 บาท เริ่ม 16 ต.ค.นี้

 

ด้านนายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข.เตรียมเสนอให้กระทรวงฯ พิจารณา พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (คนต.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน โดยหากผ่านการประชุมนัดนี้แล้ว คาดว่าจะเริ่มขั้นตอนเตรียมเสนอ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เข้าครม.พิจารณา และเดินหน้าตามขั้นตอนสภาฯ ต่อไป ซึ่งการผลักดัน พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะทำให้ราคาค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะปรับลดลง ประชาชนเข้าถึงได้

"สนข. ต้องเร่งขับเคลื่อน เรื่อง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม หากเรามี พ.ร.บ. ตั๋วร่วม การจะขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าแต่ละราย หันมาใช้บัตรโดยสารรูปแบบเดียวกันก็ทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้เรามีข้อมูลการเดินทางของพี่น้องประชาชนเพียงพอ ที่จะนำมาทำการวิเคราะห์หาราคาค่าโดยสารที่เป็นธรรมต่อประชาชนผู้เดินทาง และเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการเดินรถที่ต้องเสียเงินลงทุนไป" 

นายปัญญา กล่าวด้วยว่า การศึกษารูปแบบตั๋วร่วม เบื้องต้น สนข.จะพัฒนาให้ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะทั้งหมดติดตั้งระบบหัวอ่านที่รองรับการอ่านบัตรทุกชนิด ไม่เพียงการแตะจ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต (EMV) ทำให้ประชาชนสามารถแตะจ่ายค่าโดยสารด้วยบัตรอะไรก็ได้ อาทิ บัตรประชาชน หรือบัตรรถไฟฟ้า จะต้องสามาถแตะจ่ายได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งการใช้บัตรเพียงใบเดียวในการเดินทางผ่านรถไฟฟ้าหลายสาย การจะคิดค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียวก็สามารถดำเนินการได้ ทำให้ประชาชนไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าหลายครั้ง ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพี่น้องประชาชนลงได้

ทั้งนี้ ภายใต้ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม นอกจากจะมีการกำหนดข้อบังคับให้ผู้ประกอบการทุกระบบขนส่ง ต้องติดตั้งหัวอ่านตั๋วร่วมแล้ว จะมีรายละเอียดของการจัดตั้งหน่วยงานกลางเพื่อบริหารงานตั๋วร่วม (Clearing House) ทำหน้าที่เป็นส่วนกลางบริหารค่าโดยสาร ส่วนแบ่งรายได้ให้ระบบขนส่งต่างๆ รวมทั้งจะจัดตั้งกองทุนบริหารตั๋วร่วม เพื่อทำหน้าที่ในการนำรายได้ไปชดเชยภาคเอกชนตามสัญญาสัมปทาน หากเกิดกรณีค่าโดยสารได้เป็นไปตามสัญญากำหนด โดยขณะนี้ สนข.ได้หารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง ถึงรูปแบบการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ซึ่งพบว่าสามารถดำเนินการได้

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์