ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง หลังพุ่งกว่า 4% รับข่าวสงครามอิสราเอล-ฮามาส
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันอังคาร(10ต.ค.) ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังพุ่งกว่า 4% วานนี้ขานรับข่าวการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลบ 41 เซนต์ ปิดที่ 85.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 87.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายวิเวก ธาร์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของธนาคารคอมมอนเวลธ์ ระบุในรายงานว่า เหตุการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันให้พุ่งขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
"การที่ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอย่างยาวนาน เหตุการณ์ความขัดแย้งนี้จะต้องกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน และทำให้ปริมาณน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก" รายงานระบุ
ทั้งนี้ อิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างก็ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยอิสราเอลมีโรงกลั่นน้ำมันเพียง 2 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันราว 300,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ปาเลสไตน์ไม่มีการผลิตน้ำมัน
ด้านโกลด์แมน แซคส์ออกรายงานระบุว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยังไม่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อปริมาณน้ำมันในตลาด แต่จะกระทบต่อการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย
ขณะเดียวกัน สหรัฐยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าอิหร่านมีส่วนร่วมโดยตรงในการโจมตีอิสราเอล ซึ่งหากสงครามไม่ขยายวงไปถึงอิหร่าน ก็จะไม่สามารถหนุนราคาน้ำมันในระยะยาว