จับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาส ยืดเยื้อ กระทบการค้าไทยกับตะวันออกกลาง

จับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาส  ยืดเยื้อ กระทบการค้าไทยกับตะวันออกกลาง

พาณิชย์ วิเคราะห์ ความไม่สงบในอิสราเอลกระทบส่งออกไทยไม่มาก ชี้ สินค้ากลุ่มยานยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ ได้รับผลกระทบ เอกชนผวา หากสงครามยืดเยื้อ ลามปิดท่าเรือ กระทบหนักการค้าไทยในภูมิภาคตะวันออกกลางแน่

สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมความเสียหายในทรัพย์สิน อาคาร บ้านเรือนและอื่นๆของทั้ง 2 ฝ่าย  รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศและโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 4% ในส่วนของผลกระทบของไทย ที่เด่นชัดคือ ผลกระทบแรงาน เพราะแรงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอลได้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งถูกจับเป็นตัวประกัน

ขณะที่ผลกระทบด้านการส่งออกของไทยกับอิสราในระยะสั้นยังไม่มีผลกระทบมากนักเนื่องจากอิสราเอลไม่ใช่คู่ค้าอันดับต้นๆของไทย และมีการค้าระหว่างกันค่อนข้างน้อย  โดยอิสราเอลเป็นคู่ค้าอันดับที่ 40 ของไทยในโลก การค้าระหว่างประเทศของไทยกับอิสราเอลมีมูลค่า 856.84 ล้านดอลลาร์ (ม.ค-ส.ค 66) คิดเป็นสัดส่วน 0.22%ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกของไทยไปอิสราเอลมีมูลค่า 545.69 ล้านดอลลาร์คิดเป็นสัดส่วน 0.29%ของการส่งออกของไทยไปโลก ขณะที่การนำเข้าของไทยจากอิสราเอลมีมูลค่า 311.15 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 0.16%ของการนำเข้าจากทั่วโลก

โดยสินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปอิสราเอล 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และข้าว เป็นต้น ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญจากอิสราเอล 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องเพชรพลอยและอัญมณี ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และผักผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ เป็นต้น

จับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาส  ยืดเยื้อ กระทบการค้าไทยกับตะวันออกกลาง

 

กระทรวงพาณิชย์ได้วิเคราะผลกระทบต่อการส่งออกของไทยกรณีความไม่สงบในอิสราเอล ว่า ผลกระทบในภาพรวมมีไม่มาก เนื่องจากอิสราเอลไม่ใช่คู่ค่าอันดับต้นๆของไทย  ซึ่งผลกระทบมีทั้งได้และเสียในบางสินค้า

โดยสินค้ากลุ่มรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทยไปอิสราเอล ทั้งนี้  แม้ว่าอิสราเอลจะเป็นตลาดรถยนต์อันดับที่  24 ของไทย แต่ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูงที่ 24.8% ซึ่งการส่งออกรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบไปอิสราเอลในระยะต่อไปนี้ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น

ขณะที่อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 2 ของไทยไปอิสราเอล โดยอิสราเอลเป็นตลาดส่งออกอัญมณีอันดับที่ 10 ของไทย มีสัดส่วน 2.03% ของการส่งออกอัญมณีของไทยไปโลก ทั้งนี้ สินค้านำเข้าจากอิสราเอลอันดับ 1 ของไทย คือ เพชร โดยอิสราเอลเป็นตลาดนำเข้าเพชรอันดับ 2 ของไทยจากโลก สัดส่วน 9.5% รองจากอินเดีย ซึ่งอุตสาหกรรมอัญมณีของไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบในแง่การส่งออก และอุตสาหกรรมเครื่องประดับแท้ของไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบในแง่วัตถุดิบ

อย่างไรก็ตามยังมีสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลในเชิงบวก คือ    อาหารทะเลกระป๋องเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของไทยไปอิสราเอล โดยอิสราเอลเป็นตลาดส่งออกอาหารทะเลกระป๋อง  อันดับ 9 ของไทยไปโลก มีมูลค่า 44.34 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 2.64% ของการส่งออกอาหารทะเลกระป๋องของไทยไปโลก ซึ่งสถานการณ์ความไม่สงบอาจส่งผลกระทบในเชิงบวก ต่อการส่งออกอาหารทะเลกระป๋องของไทยไปอิสราเอล

“ในระยะสั้น (ต.ค. - ธ.ค. 66) ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าของไทยกับอิสราเอลมากนัก เนื่องจากท่าเรือไคฟา(Haifa)  ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของอิสราเอล  และเมืองเทลอาวีฟ  เมืองเศรษฐกิจสำคัญของอิสราเอล ตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ไม่สงบ โดยท่าเรือไคฟาอยู่ทางภาคกลางตอนเหนือ เมืองเทลอาวีฟอยู่ภาคกลาง ส่วนพื้นที่ไม่สงบอยู่ภาคใต้"

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)กล่าวว่า  ขณะนี้ยังไม่น่าห่วงในแง่ของการค้าเพราะยังไม่กระทบมากนัก แต่ห่วงสงครามจะขยายวงกว้างและทวีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์ และเส้นทางการขนส่งสินค้าจากเอเชีย ซึ่งรวมถึงไทยการส่งออกสินค้าไปยุโรปต้องผ่านคลองสุเอชที่อยู่ใกล้กับเหตุการณ์ อาจมีความเสี่ยงและมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สูงขึ้น และยังต้องจับตาผลพวงจากสงครามจะทำให้ราคาพลังงานของโลกปรับตัวสูงขึ้น

“หากสงครามขยายวงกว้างจะส่งผลกระทบต่อการค้าไทย-อิสราเอล และการค้าไทยกับภูมิภาคตะวันออกกลาง ในเดือนที่เหลือของปีนี้ จากที่ในปี 2565 การค้าไทย-อิสราเอล มีมูลค่ารวม 49,182 ล้านบาท และการค้าไทยกับภูมิภาคตะวันออกกลาง 15 ประเทศ มีมูลค่ารวม 1.56 ล้านล้านบาท ดังนั้นต้องจับตาและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

เหตุการณ์ความไม่สงบในระยะสั้นไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทยแต่หากยืดเยื้อหรือถึงขั้นปิดท่าเรืออาจจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศได้โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง