รฟม.เล็งเจรจา 'บีอีเอ็ม' ปรับราคารถไฟฟ้าสายสีส้ม หนุนนโยบาย 20 บาท
รฟม.เล็งเจรจา “บีอีเอ็ม” เพิ่มเงื่อนไขสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม หาก ครม.สั่งเดินหน้านโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย เผยปัจจุบันลุ้นข้อพิพาท 1 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาศาลปกครองสูงสุด
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจราชการและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยระบุว่า ได้รับรายงานความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่ง รฟม.ยืนยันว่าดำเนินการตามกระบวนการของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 อย่างถูกต้อง แต่ตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รอการพิจารณาจากศาลปกครองแล้วเสร็จก่อน ตามข้อพิพาทที่มีระหว่าง รฟม.และภาคเอกชน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังมีข้อพิพาทที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 1 คดี โดยกระบวนการเหล่านี้ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าศาลปกครองจะพิจารณาอย่างไร ดังนั้นโครงการนี้นับว่าปัจจุบันยังไม่ได้เกิดปัญหา ขณะที่ประเด็นเรื่องส่วนต่างราคาประมูล และวิธีจัดซื้อจัดจ้าง เรื่องพวกนี้เป็นแค่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ส่วนตัวจึงมองว่าเรื่องพวกนี้ยังไม่ได้มาถึงขั้นตอนของกระทรวงคมนาคม เรื่องสายสีส้มยังอยู่ในขั้นตอนรอศาลปกครองพิจารณาอยู่
ขณะที่นโยบายรถไฟฟ้าสูงสุด 20 ตลอดสายนั้น เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการผลักดัน เพื่อดูแลประชาชน ลดค่าครองชีพในการเดินทาง สนับสนุนให้คนมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น โดยปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้วส่วนของโครงการรถฟ้าของภาครัฐ ขณะที่โครงการที่มีสัญญากับภาคเอกชน อาทิ สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีน้ำเงิน รวมไปถึงสายสีส้มที่เปิดประมูลไปแล้ว นับว่าเป็นกลุ่มที่มี พรบ.ร่วมทุน ดังนั้นต้องมีวิธีการดำเนินการ การเจรจากับเอกชนในรูปแบบต่อไป แต่อย่างไรก็ดี นโยบายของรัฐบาลต้องดำเนินการจัดทำค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท
“ทุกโครงการรถไฟฟ้าที่มี พรบ.ร่วมทุน เป็นโครงการ PPP จะต้องมีวิธีการจัดการแตกต่างออกไปจากรถไฟฟ้าของภาครัฐ ก็ต้องรอกระบวนการเจรจาก่อน แต่แน่นอนว่านโยบายรัฐบาลมีโอกาสที่จะทำให้ทุกสายทำราคาค่าโดยสาร 20 บาท รวมไปถึงรถไฟฟ้าสายสีส้มที่รอลงนามสัญญาก็ต้องเจรจากับเอกชน แต่โครงการรถไฟฟ้าร่วมทุนเหล่านี้ ต้องให้ระยะเวลาศึกษาตัวเลข วิธีการผลลัพธ์ต่างๆ และต้องทำให้รอบคอบพอ เพื่อให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนด้วย”
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า การกำหนดอัตราราคาค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสายในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น หาก ครม.มีมติให้ดำเนินการ รฟม.จะต้องเริ่มขั้นตอนเจรจากับเอกชนผู้ชนะการประมูลใหม่ เนื่องจากโครงการนี้ปัจจุบันได้เจรจารายละเอียดในสัญญาไปแล้ว เพียงแต่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อนำโครงการเสนอ ครม. ดังนั้นหากมีนโยบายเพิ่มรายละเอียดเรื่องปรับลดค่าโดยสาร รฟม.จะต้องเจรจากับเอกชน ซึ่งจะต้องประเมินวงเงินชดเชยให้เอกชนเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ หากกรณีที่ต้องเจรจากับเอกชนใหม่ ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเฉพาะส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ปัจจุบันงานโยธาใกล้แล้วเสร็จ แต่หากต้องกลับมาเริ่มเจรจารายละเอียดสัญญาร่วมทุนที่ต้องเพิ่มข้อมูลปรับราคาค่าโดยสารเหลือสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ทางเอกชนอาจยังไม่สามารถเริ่มเปิดให้บริการเดินรถได้
“สายสีส้มตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรอศาลปกครองสูงสุดพิจารณาอีก 1 คดีที่เหลืออยู่ คือ คดีเกี่ยวกับเงื่อนไขการประกวดราคาครั้งใหม่ โดยส่วนตัวประเมินจากข้อพิพาทก่อนหน้านี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน น่าจะได้ข้อสรุป หลังจากนั้น รฟม.จะเสนอผลการประมูลไปยัง ครม.พิจารณาอนุมัติเพื่อลงนามสัญญา โดยหาก ครม.มีมติให้ปรับราคาค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ก็จะทำให้ต้องกลับมาเจรจากับเอกชนเพิ่มเติม ก่อนลงนามสัญญา”
นายภคพงศ์ กล่าวด้วยว่า ค่าโดยสารที่กำหนดไว้ในสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม มีอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 15 – 45 บาท แต่หาก ครม.มีมติให้ปรับราคาลงตามนโยบายรัฐบาล ก็จะทำให้มีราคาค่าโดยสารในอัตรา 15 – 20 บาท ซึ่งผลต่างเหล่านี้ ทำให้ต้องเจรจากับเอกชนคู่สัญญาด้วยว่าจะสามารถชดเชยส่วนต่างอย่างไร ดังนั้นจึงยังไม่สามารถลงนามสัญญา และเริ่มเปิดเดินรถก่อนในส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี