ธรรมนัส ย้อนกระบี่เดินหน้ายึดคืนพื้นที่นายทุน
ธรรมนัส สานต่อการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ภายใต้นโยบาย คทช. ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มุ่งจัดระบบสาธารณูปโภค น้ำต้องไหล ไฟต้องสว่าง รวมถึงต้องมีการส่งเสริมอาชีพให้เกิดความยั่งยืน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พบปะเกษตรกร ณ พื้นที่โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) แปลงหมายเลข 601 และแปลงหมายเลข 602 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ว่า
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาผู้ไร้ที่ดินทำกินโดยใช้กลไกคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ซึ่งนโยบายดังกล่าว เป็นนโยบายที่เอื้อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สามารถขับเคลื่อนภารกิจด้านการจัดที่ดินทำกินให้แก่ผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจากคำสั่งของ คสช. นี้ ทำให้ ส.ป.ก. จังหวัดกระบี่ ได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินการกับผู้ครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมายในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่
1. ประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ เรื่อง กำหนดพื้นที่เป้าหมาย ตามข้อ 1 (2) แห่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 36/2559 ประกาศ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2561 พื้นที่แปลงตำบลเขาพนมอำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ จำนวน 20 แปลง เนื้อที่ประมาณ 991-2-85 ไร่
2. ประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่อง กำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินการกับผู้ครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย ประกาศ ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2562 แปลงที่ดินหมายเลข 601 ที่ดินตั้งอยู่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เนื้อที่ประมาณ 973 ไร่
3. ประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่อง กำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินการกับผู้ครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย ประกาศ ณ วันที่ 9 มีนาคม 2563 แปลงที่ดินหมายเลข 602 ที่ดินตั้งอยู่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ และตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เนื้อที่ประมาณ 683 ไร่
และ 4. ประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่อง กำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินการกับผู้ครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 แปลงที่ดินหมายเลข 603 ที่ดินตั้งอยู่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ และตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เนื้อที่ประมาณ 3,617 ไร่
ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าว กรมชลประทานได้มีการจัดระบบท่อส่งน้ำความยาวรวม 59.228 กม. จากโครงการอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง เพื่อสนับสนุนน้ำในการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน สำหรับแปลงที่ดินทั้ง 3 แปลงด้วย
จากนั้น รมว.กษ. ได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานในพื้นที่โครงการ คทช. แปลงตำบลเขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ เนื้อที่ประมาณ 976 ไร่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ ส.ป.ก. ได้มีการจัดที่ดินทำกินให้แก่ผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยตามคำสั่งของ คสช.
ปัจจุบัน ส.ป.ก. ได้อนุญาตให้สหกรณ์การเกษตรเมืองใหม่เขาพนม จำกัด เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน โดยมีเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เข้าทำประโยชน์ในแปลงที่ดินแล้ว จำนวน 210 ราย ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ก่อสร้างถนนสายหลัก สายซอย แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร โรงเรือนน้ำหยดระบบอัติโนมัติ อาคารรวบรวมผลผลิต และอาคารอเนกประสงค์ ควบคู่กับการอบรมส่งเสริมองค์ความรู้ และสนับสนุนปัจจัยการผลิตจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเกษตรกรสามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรอย่าลยั่งยืน
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้เป็นประธานส่งมอบอาคารอเนกประสงค์ให้สหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ดำเนินโครงการ คทช. ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ มอบหนังสือหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ให้กับเกษตรกร จำนวน 100 ราย เยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์การเกษตร พร้อมร่วมพิธีทำขวัญข้าว/เก็บข้าวไร่ ร่วมหว่านพืชปุ๋ยสด (ปอเทือง) และปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด บริเวณสระเก็บน้ำสาธารณะแห่งที่ 4 ด้วย
“การลงพื้นที่ในวันนี้ต้องการมาดูว่าหลังจากที่ห่างหายการทำงานไป 2 ปี พื้นที่ที่มีการยึดคืนจากกลุ่มนายทุนจำนวน 10,000 กว่าไร ได้ดำเนินการเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งในภาพรวมได้มีการดำเนินการไปได้อย่างดี ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ และตั้งสหกรณ์ เป็นต้น หลังจากนี้ ที่ดินของรัฐที่ยังอยู่ในมือของกลุ่มนายทุน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ต้องการที่จะเอาคืนมาให้กับพี่น้องเกษตรกรได้เข้าทำประโยชน์ต่อไป
ผมขอให้ความมั่นใจว่าจะจัดสรรที่ดินทำกินอย่างเท่าเทียมและเป็นรูปธรรม ที่ดินของรัฐที่ยังอยู่ในมือของกลุ่มนายทุน จะต้องเอาคืนมาให้กับพี่น้องเกษตรกรได้เข้าทำประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจะเข้าไปจัดระบบสาธารณูปโภค น้ำต้องไหล ไฟต้องสว่าง รวมถึงต้องมีการส่งเสริมอาชีพด้วย” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว