กรมการค้าภายในโชว์ความสำเร็จบริหารจัดการผลไม้ปี 66
กรมการค้าภายใน ประเมินผลมาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 66 ประสบความสำเร็จตามเป้า เป็นปีทองผลไม้ทุเรียน มังคุด เงาะ มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงมัน สับปะรดภูแล ส้มโอทองดี และลำไย ราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนปี 67 เตรียมมาตรการตามนโยบาย “ภูมิธรรม” ไว้ล่วงหน้าแล้ว รอพิจารณา
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ประเมินผลการดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 2566 ภายหลังผลผลิตผลไม้หลายชนิดได้จบฤดูกาลไปแล้ว พบว่า ปีนี้ต้องเรียกว่าเป็นปีทองของผลไม้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด เงาะ มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงมัน สับปะรดภูแล ส้มโอทองดี และลำไย โดยราคาอยู่ในเกณฑ์ดีทุกรายการ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลไม้ เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และส่วนหนึ่งมาจากมาตรการบริหารจัดการของกรมที่ได้เข้าไปกำกับดูแล ทำให้ป้องกันปัญหาการกดราคา และช่วยให้เกษตรกรมีที่จำหน่ายผลผลิต ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากและพร้อมกัน
โดยราคาทุเรียนภาคตะวันออก เกรด AB กิโลกรัม (กก.) ละ 166 บาท เพิ่มขึ้น 16% เกรด C กก.ละ 127 บาท เพิ่มขึ้น 37% เกรด D กก.ละ 104 บาท เพิ่มขึ้น 33% มังคุด เกรดมันรวม กก.ละ 100 บาท เพิ่มขึ้น 64% เกรกกากลาย กก.ละ 75 บาท เพิ่มขึ้น 50% เกรดคละ กก.ละ 71 บาท เพิ่มขึ้น 87% เงาะ เกรดโรงเรียน กก.ละ 38 บาท เพิ่มขึ้น 111% เกรดสีทอง กก.ละ 24 บาท คงเดิม
ส่วนผลไม้ภาคใต้ ทุเรียน เกรด AB กก.ละ 180-190 บาท เพิ่มขึ้น 59% เกรด C กก.ละ 120-130 บาท เพิ่มขึ้น 40% เกรด D กก.ละ 100-105 บาท เพิ่มขึ้น 60% มังคุด นอกกลุ่มประมูล เกรดมันรวม กก.ละ 97 บาท เพิ่มขึ้น 162% เกรดคละ กก.ละ 48 บาท เพิ่มขึ้น 92% ในกลุ่มประมูล เกรดมันใหญ่ กก.ละ 86 บาท มันเล็ก กก.ละ 54 บาท ลายใหญ่ กก.ละ 47 บาท และตกไซส์และดอกดำ กก.ละ 28 บาท เงาะ เกรดโรงเรียน กก.ละ 29 บาท เพิ่มขึ้น 12% เกรดสีทอง กก.ละ 24 บาท เพิ่มขึ้น 50%
ผลไม้ภาคเหนือ มะม่วงน้ำดอกไม้ เกรดส่งออก กก.ละ 50 บาท เพิ่มขึ้น 11% เกรดคละ กก.ละ 30 บาท เพิ่มขึ้น 50% มะม่วงมัน คละ กก.ละ 10 บาท เพิ่มขึ้น 67% มะม่วงเขียวมรกต เบอร์ 1-2 กก.ละ 19.11 บาท เพิ่มขึ้น 74% เกรดคละ กก.ละ 11.88 บาท เพิ่มขึ้น 116% สับปะรดภูแล คละ กก.ละ 8.98 บาท เพิ่มขึ้น 100% ส้มโอทองดี เกรดสวยติดขั้ว-ใบ กก.ละ 13.75 บาท เพิ่มขึ้น 25% เกรดคละ กก.ละ 11.07 บาท เพิ่มขึ้น 30% ลำไย ช่อส่งออก AA กก.ละ 35.74 บาท เพิ่มขึ้น 23% ช่อส่งออก A กก.ละ 33.09 บาท เพิ่มขึ้น 38% รูดร่วง AA กก. ละ 27.52 บาท เพิ่มขึ้น 129% รูดร่วง A กก.ละ 17.39 บาท เพิ่มขึ้น 248% รูดร่วม B กก.ละ 8.13 บาท เพิ่มขึ้น 307%
ทั้งนี้ ผลผลิตผลไม้ในปีนี้ ยังคงเหลือลองกอง ที่กำลังออกสู่ตลาด และใกล้จะจบฤดูกาลแล้ว โดยสถานการณ์ราคาต่ำกว่าปีที่แล้ว เพราะปีนี้ผลผลิตออกมามาก แต่ก็เป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ โดยลองกอง ภาคใต้ ผลผลิตออกแล้ว 99% เบอร์ 1 ราคา 27-30 บาท/กก. เบอร์ 3 ราคา 13-15 บาท/กก. ภาคเหนือ ผลผลิตออกแล้ว 81% คงเหลือลองกองในพื้นที่ภูเขา ซึ่งผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี มีคุณภาพ แต่ก็มีตกไซส์ ลูกดำบ้าง โดยเบอร์ 1 ราคา 23-35 บาท/กก. เบอร์ 3 ราคา 16-18 บาท/กก. โดยผลผลิตที่เหลือ ได้ประสานห้างท้องถิ่นซื้อไปจำหน่าย และนำมาจำหน่ายผ่านโมบายพาณิชย์ คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้ ผลผลิตก็จะจบฤดูกาล
นายกรนิจ กล่าวว่า สำหรับมาตรการดูแลผลไม้ปี 2567 ขณะนี้ กรมได้เตรียมมาตรการรับมือไว้ล่วงหน้าตามนโยบายที่ได้รับจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้ว ซึ่งมีมาตรการทั้งด้านการผลิต ด้านการตลาดในประเทศ ด้านการตลาดต่างประเทศ และด้านกฎหมาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลผลผลิตผลไม้ที่จะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้าแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอเพื่อพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผลผลิตส้มภาคเหนือ ในแหล่งเพาะปลูก จ.สุโขทัย แพร่ และน่าน กำลังจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.2566 กรมได้เตรียมประสานสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ พีที บางจาก พีทีทีสเตชัน ให้เข้ามาช่วยรับซื้อ และนำไปเป็นของสมนาคุณให้กับผู้เติมน้ำมัน รวมทั้งมีแผนสอง หากช่วงที่ผลผลิตออกมาก จะประสานผู้ประกอบการรายอื่น ๆ เข้าไปรับซื้อ และนำระบายผ่านห้างท้องถิ่นจำนวน 600 สาขาทั่วประเทศ และโมบายพาณิชย์ 100 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สำหรับมะยงชิด ที่จะออกสู่ตลาดตัวต่อไป ประมาณต้นปี 2567 กรมได้เตรียมมาตรการรับมือไว้แล้วเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าผลผลิตในช่วงต้นฤดู น่าจะยังคงมีราคาสูงไม่ต่ำกว่า 180-200 บาท/กิโลกรัม (กก.) แต่ผลผลิตตกเกรด หรือช่วงปลายฤดู ราคาอาจจะลดลง ซึ่งจะเข้าไปดูแลในส่วนนี้ ได้มีการประสานผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อ เพื่อนำไปแปรรูปเป็นแยมมะยงชิด หรือซอสมะยงชิด เป็นต้น