'กกพ.' เผย ต้นทุนค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย. 2567 ทะลุ 4 บาทกว่า
“กกพ.” ย้ำ ต้นทุนค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย. 2567 สูงกว่างวดปัจจุบันเบื้องต้นที่ 5-10 สตางค์ จับตากำลังผลิต "ก๊าซในอ่าวไทย-ภูมิรัฐศาสตร์" กดดันดีมานด์ซัพพลาย แนะ ประชาชนช่วยกันประหยัด หากรัฐไม่อุ้ม ค่าไฟทะลุกว่า 4 บาท
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวถึงแนวโน้มค่าไฟฟ้าปี 2567 ว่า อยากที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยมีการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ดังนั้น จากปัญหาวิกฤติโควิด และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่านมา ราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มีราคาสูงมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากอ่าวไทยก็ตามแต่ราคาก็มีการปรับปรับตามปัจจัยต่าง ๆ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนส่งผลถึงทั้งค่าน้ำมันที่แพงขึ้น ขึ้นอยู่ตรงนี้อาจจะไม่มากแต่ก็มีผลต่อต้นทุนที่สูงขึ้นระดับ 5-10 สตางค์ ส่วนที่ประเทศไทยมีปัญหา คือ ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของแหล่งเอราวัณที่กำลังการผลิตจะกลับมาตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟฟุตต่อวัน หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ยังคงต้องอิงกำลังการผลิตที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันก่อน
ทั้งนี้ เมื่อต้องนำเข้าก๊าซฯ เข้ามาใส่ ซึ่งหากราคาไม่แพงก็จะกระเทือนไม่มากนัก และหากสงครามอิสราเอลกับฮามาส บานปลาย ก็จะยิ่งกระทบกับราคาแน่นอน และถ้าก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่หายไปจะต้องดูว่าช่วงต้นปี 2567 จะต้องเติมที่เท่าไหร่ เพราะช่วงต้นปีอาจเพิ่มขึ้นมาบ้างก็จะช่วยให้ลดปริมาณการนำเข้าได้ในระดับหนึ่ง
“ตอนนี้ กกพ. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อทำตัวเลขค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567) ซึ่งจากคาดการณ์แนวโน้มต้นทุนอาจจะแพงกว่างวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค. 2566) นิดหน่อย ถือเป็นการมองไปข้างหน้า โดยตอนนี้ราคานำเข้า LNG อยู่ที่ประมาณ 17-18 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ซึ่งอยู่ระหว่างทะยอยซื้อเข้ามาเสริม เพราะหากซื้อมาในปริมาณที่มากปัญหาคือไม่มีที่เก็บ จึงบอกได้เพียงแค่ว่าแนวโน้วต้นทุนแพงกว่างวดปัจจุบันแน่นอน จากปัจจัยราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจมาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์”
นอกจากนี้ ปัจจัยบวกที่จะมาหนุน คือ โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำจาก สปป.ลาว ที่อาจจะไม่เยอะ รวมถึงเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม้มีปริมาณน้ำมากขึ้นก็อาจจะมาช่วยเสริมให้ต้นทุนถูกลงในส่วนหนึ่ง แต่ก็ถือเป็นสเกลที่น้อยมาก ถ้าเทียบกับก๊าซฯ ในอ่าวไทย ดังนั้น ปัจจัยภายนอกจึงเยอะมาก โดยเฉพาะสงครามทางการเมืองต่างประเทศที่มีการปิดท่อส่งก๊าซฯ ซึ่งราคา LNG จะขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลาย
“ยกตัวอย่างช่วงโควิดไม่มีการผลิตก๊าซฯ ราคาจึงต่ำพอหลังโควิดยอดใช้พุ่งราคาจึงกระโดสูงมาก ส่วนตัวมองว่าสงครามทั้งอิสราเอลและสงครามของรัสเซียทั้ง 2 อันแม้จะกระทบ แต่มองว่าสงครามรัสเซียกับยูเครน ทั่วโลกน่าจะปรับตัวได้แล้ว ดังนั้น จะต้องดูว่าสงครามอิสราเอลจะทำให้การขนส่งมีปัญหามากน้อยแค่ไหน และอีกปัจจัยสำคัญคือ ประเทศเศรษฐกิจอย่างจีนจะเติบโตมากน้อยแค่ไหน และอินเดียจะมีการใช้มากหรือไม่”
นายคมกฤช กล่าวว่า สำหรับตัวเลขตามหลักเกณณ์ที่จะคำนวณค่าเอฟทีงวดม.ค.-เม.ย. 2567 ปกติจะต้องส่งให้การไฟฟ้าเพื่อประกาศก่อนวันที่ 1 ธ.ค. 2566 ดังนั้น จะต้องนำเข้าคณะกรรมการกกพ. ในเดือน พ.ย. 2566 ยกเว้นแต่ว่าคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะมีนโยบายเพิ่มเติม เพราะราคาสุดท้ายคงอยู่หลายปัจจัยโดยเฉพาะนโยบายช่วยเหลือของรัฐบาล เพราะวิธีคำนวนต้นทุนจะใช้มาตรฐานเดียวกัน
“อยากให้ประชาชนดูข้อเท็จจริงว่าค่าไฟฟ้าแพงขึ้นมาจากอะไร เพราะเราต้องนำเข้าก๊าซฯ จากต่างประเทศเป็นหลัก จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันประหยัดไฟ ถ้ารัฐบาลไม่มีนโยบายมาดูแลต่อต้นทุนที่แท้จริงก็จะอยู่ที่กว่า 4 บาทต่อหน่วย”
ทั้งนี้ เมื่อได้ตัวเลขต้นทุนแล้ว ก็จะต้องดูการบริหารจัดการอื่น ๆ โดยเฉพาะหนี้ที่กฟผ. แบกรับไว้อีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท ว่าจะไหวหรือไม่และจะช่วยได้อีกเท่าไหร่ และเมื่อกฟผ. ช่วยเหลือต่อไปก็จะต้องดูว่าจะช่วยกฟผ. กลับไปอย่างไร ซึ่งรวมถึงการที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยืดหนี้ราคาค่าก๊าซฯ ด้วย ดังนั้น จึงต้องอยู่ที่นโยบายภาครัฐ เพราะในอดีตไม่เคยมีนโยบายมาดู เพราะต้นทุนเมื่อบวกลบแล้วไม่เกินเคยเกิน 3-4 สตางค์ต่อหน่วย แต่ปัจจุบันมีปัญหาปริมาณก๊าซฯ ที่หายไป และภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ราคาวิ่งไปสูงกว่าที่ กกพ.ทำ