กรมธุรกิจพลังงาน ชี้ หากสงครามอิสราเอล บานปลาย ดันราคาน้ำมันพุ่ง 130 ดอลลาร์
กรมธุรกิจพลังงาน คาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปี 66 โตได้ 1% โดยไตรมาส 4 จะเติบโตจากปัจจัยไฮซีซั่น ภาคท่องเที่ยว ผนวกนโยบายฟรีวีซ่า ระบุ สงครามอิสราเอล ยังไม่กระทบการนำเข้าน้ำมันของไทย รับหากขยายตัวอาจดันราคาน้ำมันพุ่งแตะ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ปัญหาสงครามในอิสราเอล ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ธพ.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยหารือกับผู้ค้าน้ำมัน เพื่อประเมินสถานการณ์ เบื้องต้น หากสถานการณ์ไม่รุนแรงหรือขยายวงกว้างมาก ราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยจะอยู่ที่ 90-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่หากสถานการณ์รุนแรงมาก คาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะทะลุ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแต่ในแง่ของการนำเข้าพลังงานของไทยโดยเฉพาะน้ำมันดิบจากการหารือผู้ค้าล่าสุดยังคงอยู่ในภาวะปกติ
ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ Oil Plan 2023 ยังคงเป็นร่างเดิมไม่มีการปรับเปลี่ยนและการลดราคาก๊าซโซฮอล์ 91 เป็นแค่ระยะสั้น 3 เดือนไม่มีผลอะไรเพราะแผนนี้จะบริหารระยะยาวโดยร่างเดิมกำหนดที่จะยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 และอาจกำหนดให้ E 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานแต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับปริมาณเอทานอลและที่สุดต้องรอผลการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนก่อนที่จะสรุปขั้นสุดท้ายและจะต้องรอนโยบายจากรัฐบาลเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ธพ.ได้คาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภาพรวมในปี 2566 จะมีการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 153.08 ล้านลิตร/วันเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ประมาณ 1% โดยเฉพาะจากการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์(Jet A1) ที่จะเพิ่มขึ้นราว 53.6% จากปีก่อนเนื่องจากการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นในปลายปีนี้ ประกอบกับรัฐบาลได้ใช้นโยบายฟรีวีซ่าที่จะสนับสนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาส 4 นี้ การใช้จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ประมาณ 3.10% จากฤดูท่องเที่ยวและการเก็บเกี่ยวสินค้าทางภาคเกษตรส่งผลต่อปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภาพรวมที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกชนิดเว้นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่การใช้จะลดลงเพราะภาคปิโตรเคมีลดกำลังการผลิต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการเติบโตทั้งปีที่คาดว่าจะโต1 % ดูเหมือนว่าจะต่ำแต่ในข้อเท็จจริงเพราะเทียบกับปี 2565 ที่ฐานค่อนข้างสูงผิดปกติจากปี 2564 ที่ฐานต่ำจากผลกระทบโควิด-19 เมื่อเปิดประเทศการใช้น้ำมันจึงปรับตัวสูงขึ้นในปี 2565 ค่อนข้างมาก"
สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 9 เดือน ตั้งแต่มกราคม - กันยายน 2566 อยู่ที่ 153.34 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น4.3% โดยเป็นการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 4.3% อยู่ที่ 31.70 ล้านลิตร/วัน น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์อยู่ที่ 13.44 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 66.5 % การใช้ LPG อยู่ที่ 33.61 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 0.5%
ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV )อยู่ที่ 3.40 ล้านกก./วันเพิ่มขึ้น 0.2% กลุ่มดีเซลอยู่ที่ 69.16 ล้านลิตร/วันลดลง 4.5% จากฐานการผลิตปีก่อนที่สูงผิดปกติประกอบกับเศรษฐกิจชะลอตัวบางส่วน น้ำมันเตาอยู่ที่ 5.62 ล้านลิตร/วันลดลง 11.4% จากผลกระทบภาคการผลิตที่ลดลงจากการส่งออกที่ชะลอ
สำหรับ 9 เดือนแรกการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่6.78 ล้านลิตร/วัน ลดลง 3.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกประเภทที่จะมีผล 7 พ.ย. 2566 ตามการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต 3 เดือน (พ.ย66-ม.ค.67) โดยจะทำให้ราคาแก๊สโซฮอล์ลดลง 2.50 บาท/ลิตร คงจะทำให้ประชาชนหันมาใช้เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดนั้นทางธพ.จะมีการติดตามและประเมินผลหลังจากมาตรการเริ่มบังคับใช้ภายใน 1 สัปดาห์จึงจะสามารถดูทิศทางได้ชัดเจน