เปิดวาระประชุมรัฐมนตรีคลังเอเปคครั้งที่ 30
เปิดวาระหลักการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 30 เน้นหารือ 3 หัวข้อหลักคือ เศรษฐศาสตร์อุปทานสมัยใหม่ สินทรัพย์ดิจิทัล และการเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมหารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่านายกฤษฎา จีนะวิจารณะรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการคลัง ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting: APEC FMM) ครั้งที่ 30 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง(การประชุมฯ) ระหว่างวันที่ 12 - 13 พฤศจิกายน 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา
การประชุมดังกล่าว มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนจากสมาชิกเอเปค จำนวน 21 เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี จีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นเกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป ไทยสหรัฐอเมริกา และเวียดนาม รวมทั้งผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมการประชุมด้วย
การประชุมฯ ในครั้งนี้ มุ่งเน้นหารือใน 3 ประเด็นสำคัญ (Priorities) ประกอบด้วย (1) เศรษฐศาสตร์อุปทานสมัยใหม่ (Modern Supply Side Economics) (2) สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และ (3) การเงินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Finance) ซึ่งเป็นประเด็นที่เจ้าภาพต้องการผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการผลักดันต่อเนื่องจากประเด็นสำคัญที่ไทยได้ผลักดันในปี 2565 ทั้งประเด็น Sustainable Finance และ Digitalization for Digital Economy
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะหารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก รวมทั้งพิจารณาให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม APEC FMM ครั้งที่ 30 เพื่อเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ ด้วย
การเข้าร่วมการประชุมฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะได้มีการหารือในเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเงิน และการคลังระหว่างสมาชิกเอเปคแล้ว ยังจะเป็นโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทยจะได้นำเสนอแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแถลงข่าวผลการประชุม APEC FMM ครั้งที่ 30 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบต่อไป