หอการค้าไทย เสนอปฏิรูปประเทศ 5 ด้าน พาหลุดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
เปิดฉากสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ “สนั่น” ชี้ ประเทศติดกับดักรายได้ปานกลาง จี้ปฏิรูปเศรษฐกิจ 5 ด้าน พร้อมดัน 10 เมืองรองขึ้นแท่นเมืองเที่ยวหลัก ชม”นายก”เซลล์แมน เดินสายต่างประเทศ ดึงลงทุนประเทศ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ณ ภิรัชฮอลล์ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ โดยมีสมาชิก ประธานหอการค้าทั่วประเทศ และผู้บริหารภาคเอกชนเข้าร่วมประมาณ 1 พันคน ว่า 90 ปี หอการค้าไทย ได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงภายใต้แนวทาง“Connect the Dots” ประสบความสำเร็จด้วย 3 ด้าน ซึ่งบทบาทหน้าที่ไม่ได้มีเพียงสร้างและส่งเสริมผู้ประกอบการเท่านั้นแต่มีส่วนในการสร้างสังคมไทย ลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับขีดความสามารถ ให้เติบโตอย่างยืนและทั่วถึง
ปัจจุบันเรามีความพร้อมในการดึงทุกภาคส่วน มาทางานร่วมกันแล้วแต่ประเทศไทยติดกับดักประเทศผู้มีรายได้น้อยมาอย่างยาวนาน ทั้งที่มีช่วงเวลาในอดีตที่เคยประสบความสำเร็จมาก อาทิ ยุคอุตสาหกรม ไทยมีการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าไปทั่วโลกแบบมหาศาล และยุคของการท่องเที่ยวที่เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยกว่า 40 ล้านคน เมื่อปี 2562 ก่อนที่การระบาดโควิด-19 จะส่งผลกระทบทำให้เหลือเพียง 4 แสนคนในช่วงเปิดประเทศระยะแรก จึงถือเป็นความท้าทายที่ไทย
เราจะหวังพึ่งพาเครื่องยนต์เศรษฐกิจคลื่นลูกเดิมไม่ได้อีกต่อไป ทำให้จำเป็นต้องมีการปฏิรูป (รีฟอร์ม) ในระยะยาว ตามภารกิจของหอการค้าที่ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการช่วยสร้างสังคมไทย ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับขีดความสามารถของไทย ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายสนั่น กล่าวว่า ประเทศไทยต้องมีการรีฟอร์มในระยะยาว ประกอบด้วย 1. ด้านการค้า การลงทุน ทั้งเร่งทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ร่วมกับหลายประเทศในนานาชาติ รวมถึงดึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) เพราะจะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น การปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลมีความสำคัญมาก อาทิ การลดใบอนุญาตต่างๆ ในการทำธุรกิจ การดึงคนเก่งเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มเติม และดึงคนที่มีความสามารถพิเศษ (Talent) มาที่ไทย รัฐบาลจะต้องออกมาตราการให้ต่างชาติมีที่อยู่อาศัย และ Talent immigration policy การผลักดันให้เกิดรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government ) สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในต่างประเทศ
2.ด้านเกษตรและอาหาร ซึ่งการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์ โดยต้องทำเทคโนโลยีและดึงคนรุ่นใหม่มาช่วยสร้างนวัตกรรม และเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและมีความปลอดภัย รวมทั้งส่งเสริมปลูกพืชมูลค่าสูง เน้นตลาดนำการผลิต
3.ด้านการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งปี 67 คาดว่านักการท่องเที่ยวสูงถึง 35 ล้านคน โดยหอการค้าชูHappy model ผลักดันซอฟพาวเวอร์
4.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะต้องเร่งผลักดันเมกะโปรเจ็กต์ เช่น รถไฟความเร็วสูง โครงการแลนด์บริดจ์ การแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วมซ้ำซาก จัดทำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล สร้างโอกาสให้เอสเอ็มที เข้าถึงแหล่งเงินทุนและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
5. Sustainable ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอด โดยเป็นหน้าที่หอการค้าจับมือบริษัทชั้นนำส่งเสริมและพัฒนาภาคธุรกิจไปสู่แนวทาง BCG Model และESG รวมถึงการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้หอการค้าฯมีโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้เมืองรองกลายเป็นเมืองหลักในการท่องเที่ยว ผ่านการคัดเลือกเริ่มต้น 10 จังหวัด เป็นโมเดลต้นแบบ แต่รัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยส่งเสริมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟาสตรัคเจอร์) ให้พัฒนาสอดรับกับความเจริญที่จะมีเพิ่มขึ้นด้วยพร้อมไปกับการพัฒนาคนโดยการสร้างผู้นำรุ่นใหม่
นายสนั่น กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ นั้นใน วันที่ 13-16 ธ.ค.นี้ หอการค้าไทยจะเดินทางไปซาอุดิอาระเบีย เพื่อจัดงานแฟร์สินค้า และเผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย รวมถึงให้ความสำคัญกับประเทศคู่ค้าหรือคู่แข่งอื่นด้วย ในแนวทางเปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า นอกจากนี้ จะต้องสนับสนุนให้ประชาชนออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ที่ทำแล้ว ตามมาด้วยเวียดนาม ที่พยายามสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในประเทศไปลงทุนข้างนอกมากขึ้น โดยเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนาม ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นต้น ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องการรีฟอร์มให้ได้
“การที่นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นการลงทุน เป็นเซลล์แมน ต้องชมการทำงานที่หนักมาก หากให้คะแนนก็เกิน 100 เพราะมีความเข้าใจธุรกิจต่างๆ และผลักดันโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมจากเดิม อาทิ โครงการแลนด์บริดจ์ โดยอยากเห็นประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองไม่แพ้ประเทศอื่น เราต้องช่วยกันเพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้นในอนาคต เพื่อให้เกิดความเจริญแบบสนั่นหวั่นไหวในประเทศไทยเอง” นายสนั่น กล่าว