‘กพอ.’ คลอด ‘EEC VISA’ สูงสุด 10 ปี ต่างชาติเสียภาษีเงินได้เรตเดียว 17%

‘กพอ.’ คลอด ‘EEC VISA’  สูงสุด 10 ปี  ต่างชาติเสียภาษีเงินได้เรตเดียว 17%

กพอ.คลอดวีซ่าอีอีซี จูงใจจ้างงาน การลงทุนต่างชาติ ให้อายุวีซ่าสูงสุด 10 ปี สำหรับผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร และผู้ชำนาญการ ตามสัญญาการจ้างงาน พร้อมให้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเรตเดียว 17% พร้อมให้วีซ่ากับคู่สมรส และผู้ติดตาม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2566 วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นกรรมการและเลขานุการ การประชุมฯ ว่าที่ประชุมเห็นชอบ การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (EEC Visa) โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาลงทุนในพื้นที่อีอีซี สามารถนำคนต่างด้าวเข้ามาภายใต้ EEC Visa ประกอบด้วย

‘กพอ.’ คลอด ‘EEC VISA’  สูงสุด 10 ปี  ต่างชาติเสียภาษีเงินได้เรตเดียว 17%

  1. ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประเภท Specialist : EEC Visa “S”
  2. ผู้บริหาร ประเภท Executive: EEC Visa “E”
  3. ผู้ชำนาญการ ประเภท Professional : EEC Visa “P” และ
  4. คู่สมรสและผู้ติดตาม ประเภท Other : EEC Visa “O” โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่สำคัญๆ ได้แก่ ได้รับ EEC Work permit อัตโนมัติ เสียภาษีเงินได้

โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • บุคคลธรรมดา ณ อัตราคงที่ 17%
  • อายุ VISA สูงสุด 10 ปี ตามระยะเวลาตามสัญญาจ้าง ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  • สามารถรายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ ใช้ช่องทางพิเศษ (Fast track) ณ สนามบินนานาชาติทั่วประเทศไทย
  • เริ่มขอรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

นายภูมิธรรมกล่าวว่า กพอ.มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สกพอ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือ กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำรายละเอียดและเสนอ ครม.เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ทันในวันที่ 1 ม.ค.67 

‘กพอ.’ คลอด ‘EEC VISA’  สูงสุด 10 ปี  ต่างชาติเสียภาษีเงินได้เรตเดียว 17%

นอกจากนี้ กพอ.เห็นชอบแนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยอยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศ กพอ. เพื่อกำหนดสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการกิจการ มี 5 หลักการที่สำคัญ  ได้แก่ การสร้างนวัตกรรมการให้บริการภาครัฐ การเจรจาสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ การพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน และการติดตามตรวจสอบ ทั้งนี้ ในการเจรจาสิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบกิจการ คณะกรรมการจะ

พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ แผนการลงทุน รวมถึงระยะเวลาเริ่มการลงทุนหรือประกอบกิจการ ความสำคัญของกิจการต่อ Supply chain และ Value chain มูลค่าเงินลงทุนที่ใช้ในการประกอบกิจการ การใช้ทรัพยากรในประเทศ ระดับเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการ การถ่ายทอดความรู้ และการช่วยเหลือชุมชนโดยรอบ

นอกจากนี้ การสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อีอีซี ที่ประชุม กพอ. ได้รับทราบ การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่

อีอีซี เพื่อให้เกิดความมั่นคงและเพิ่มศักยภาพมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน และประชาชน โดยแนวทางบริหารจัดการน้ำที่สำคัญ ๆ สกพอ. ได้ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน การนิคมอุตสาหกรรม กรมธนารักษ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการบริหารจัดการน้ำภาพรวมในพื้นที่อีอีซี อาทิ การสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มเติม กำหนดแนวทางการสูบผันน้ำระหว่างอ่างเก็บน้ำภาครัฐ

การอนุญาตให้ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่สร้างเสร็จแล้วในจังหวัดจันทบุรี มาที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยองได้ทันทีหากเกิดกรณีขาดแคลนน้ำ การขยายโครงข่าย ท่อน้ำดิบ ท่อผันน้ำและท่อเชื่อมอย่างบูรณาการ โดยมีการตั้งอนุกรรมการส่งเสริมและกำกับการบริหารจัดการน้ำ เพื่อกำกับดูแลความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อีอีซีได้อย่างต่อเนื่อง