'ปตท.' วุ่นไม่เลิก จบศึก 'ประธานบอร์ด' เปิดศึกใหม่ชิง 'ตำแหน่ง CEO'
จับตาศึกชิงเก้าอีก CEO ปตท. หลัง “อรรถพล” ครบวาระเดือน พ.ค. 2567 ล่าสุด ปตท. ได้ประกาศรับสมัครอย่างเป็นทางการ ขีดเส้นอายุต้องไม่เกิน 58 ปีในวันยื่นใบสมัคร
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) มีการเปลี่ยนแปลงภายในคณะกรรมการ ปตท.โดยเฉพาะในตำแหน่งประธานกรรมการ ปตท.หลังจากที่นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ยื่นหนังสือลาออกจากจากตำแหน่งประธานกรรมการ ปตท.
สำหรับนายทศพร มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการลาออกมาตั้งแต่ปี 2565 จนกระทั่งล่าสุดก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออกได้ทำหนังสือสอบถามคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ถึงการดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทจดทะเบียน
กระทั่งการประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2566 ใช้เวลาประชุมยาวนานมาก เพื่อพิจารณาเรื่องการยื่นหนังสือลาออกของ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ ปตท.
พร้อมกับมีมติแต่งตั้ง นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ กรรมการ เป็นประธานกรรมการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.2566
รายงานข่าวระบุว่า วันที่ 1 ธ.ค. 2566 ปตท.ได้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อรับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ อย่างเป็นทางการ โดยสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2566 ถึง 3 ม.ค. 2567 ระหว่างเวลา 08.30 - 17.30 น. (เว้นวันหยุดราชการ)
ทั้งนี้ เนื่องจากนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) CEO ปตท.คนที่ 10 จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในเดือน พ.ค.2567 หลังจากเข้ามารับตำแหน่งในเดือนพ.ค. 2563 ซึ่งตามกระบวนการจะต้องเริ่มดำเนินการสรรหาก่อน 6 เดือน
แหล่งข่าวจากวงการพลังงาน เปิดเผยว่า สำหรับแคนดิเดตที่มีการพูดกันหนาหูทั้งภายใน ปตท. หรือแม้แต่ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ต่างยกน้ำหนักไปที่ นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการถือเป็นลูกหม้อ ปตท.มาเป็นเวลานาน
“เท่าที่ดูรายชื่อทั้งบุคคลภายในระดับรอง CEO ที่นั่งเป็น CEO บริหารให้กับบริษัทลูก ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความรู้ความสามารถทั้งนั้น ไม่งั้นก็คงไม่ได้นั่งบริหารบริษัทใหญ่ของ กลุ่มปตท. ได้ จึงต้องลงมาดูในเรื่องของคุณสมบัติด้านอายุที่กำหนดไว้ไม่เกิน 58 ปี ซึ่ง CEO ท่านเดิมก็สมัครได้อีกทั้งที่ผ่านมานายอรรถพล ก็สามารถนำพาปตท. ผ่านพ้นวิกฤติโควิด และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ได้อย่างดี" แหล่งข่าว กล่าว
นอกจากนี้ ยังมองว่า คนที่จะเข้ามาบริหาร ปตท. ได้จะต้องมีความกล้าตัดสินใจ เพราะ ปตท.ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน โดยกระทรวงการการคลังถือหุ้น 51% ดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ มีรายได้ปี 2565 กว่า 3 ล้านล้านบาท ดังนั้น การบริหารงานภายใต้รัฐบาลจึงต้องมีข้อจำกัดและแรงกดดันสูง
สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครหลัก ๆ อาทิ มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร, มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ รวมถึงมีวิสัยทัศน์ทางด้านธุรกิจพลังงาน ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่
ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้น ที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีงบการเงินและโครงสร้างองค์กร หรือรายงานประจำปีในขณะดำรงตำแหน่งมาแสดงด้วย
รวมถึงมีความเป็นผู้นำ มีคุณธรรมและจริยธรรม ยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี สามารถติดต่อประสานงานได้เป็นอย่างดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น
สำหรับแคนดิเดต CEO ปตท. คนที่ 11 ที่มีคุณสมบัติครบทั้งความรู้ความสามารถและอายุไม่เกิน 58 ปี อาทิ
- นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เกิดวันที่ 21 เม.ย. 2510 มีอายุ 56 ปี
- นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท.ปตท. จำกัด (มหาชน) มีอายุ 58 ปี
- นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) อายุ 53 ปี