"เจ้าสัวเจริญ-วิทัย" ติดทำเนียบพ่อดีเด่นปี 2566
"เจ้าสัวเจริญ-วิทัย" ติดทำเนียบพ่อดีเด่นแห่งปี 2566 พร้อมเปิดใจเคล็ดลับดูแลลูกให้เป็นคนดี - ประสบความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรมวุฒิสภา ประกาศรายชื่อพ่อดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2566 รวม 35 คน ซึ่งทางคณะอนุกรรมาธิการด้านคุณธรรมจริยธรรม ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ กำหนดจัดงาน “น้อมรำลึกพ่อหลวงไทย ร่วมใจเชิดชูวัฒนธรรม”
โดยจัดพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่พ่อดีเด่นแห่งชาติ ที่อาคารรัฐสภา ในวัน 6 ธันวาคม 2566 นี้ เวลา 14.00 – 16.30 น. เพื่อเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ได้รับรางวัลพ่อดีเด่นประจำปี 2566 นายไพฑูรย์ แก้วทอง กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลพ่อดีเด่นในปี 2566 นี้ เพราะปีที่ผ่านๆ มาจะมีการมอบรางวัลให้แก่ผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศ ส่วนตนไม่ได้มีบทบาททางการเมืองมานานแล้ว ตอนนี้มีลูกชาย
“นายนราพัฒน์ แก้วทอง” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับการเสนอชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ที่จะมีการลงคะแนนเสียงในวันที่ 9 ธันวาคม นี้
ตนในฐานะพ่อมักจะสอนลูกชายให้มีจิตใจที่เอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่น ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นตามโอกาส และความเหมาะสม ตนมีลูกทั้งหมด 3 คน ต่างก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แม้ตนจะเป็นนักการเมืองแต่ก็แบ่งเวลาให้กับลูกๆ พร้อมให้การศึกษาที่ดีกับทุกคนเพราะส่วนตัวตนเกิดมาจากการเป็นเด็กวัด เรียนหนังสือในโรงเรียนวัดมาตลอด แต่ก็ใช้ความมานะจนเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้น ตนจึงอยากมอบการศึกษาที่ดีให้กับลูกๆ ซึ่งวันนี้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิต
“ส่วนการดูแลตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ผมเป็นพ่อที่อีก 2 ปีก็อายุ 90 ปีแล้ว การจะอยู่กับลูกหลานได้นานๆ เราต้องดูแลตัวเองเริ่มจากอาหารการกิน บริหารร่างกายทุกวันอย่างน้อย 30 นาที บริหารสุขภาพจิตให้ดี มองโลกในแง่ดีเสมอ และเจาะเลือดตรวจสุขภาพทุกๆ 3 เดือน เพื่อดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงจะได้ไม่เป็นภาระกับลูกๆ ที่ต่างก็มีหน้าที่การงานที่ต้องทำ และดูแลชีวิตส่วนตัวของเขาเช่นกัน” นายไพฑูรย์ กล่าว
ด้าน นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติ และขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ คณะอนุกรรมาธิการ ด้านคุณธรรมจริยธรรม ในคณะกรรมาธิการการศาสนาคุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภาร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ มีมติมอบรางวัลเชิดชูเกียรติพ่อดีเด่นแห่งชาติประจำปีพุทธศักราช 2566 ให้ตน และขอร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลพ่อดีเด่นแห่งชาติอีก 34 ท่านในโอกาสนี้ด้วย
"ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาระหว่างปี 2535 - 2539 ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่องค์กรหลักของชาติที่ผมมีความผูกพันนี้ได้มองเห็นคุณค่า และความตั้งใจในการเลี้ยงดูบุตรของผมให้เป็นคนดีของสังคม"
ทั้งนี้ ผมต้องขอกล่าวถึงบุคคล สำคัญ 3 ท่านที่มีส่วนเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตของผมตลอดมาจนถึงวันนี้ สองท่านแรกคือ บิดา มารดาที่ได้เลี้ยงดูผมมาอย่างอบอุ่นด้วยความรัก และความเอาใจใส่ สนับสนุนให้ปฏิบัติตนอยู่ในความถูกต้องและดีงาม มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และขยันขันแข็งในการประกอบสัมมาชีพ รวมถึงการช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเรามีกำลังพอที่จะทำได้ สิ่งเหล่านี้นับเป็นแบบอย่างสำคัญที่ผมได้จดจำมาอบรมสั่งสอนลูกๆ ทั้ง 5 คน ตลอดมา
อีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน คือ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ภรรยาของผมผู้เป็นทั้งคู่ชีวิต และเป็นแม่ของลูกๆ ทั้ง 5 คน ที่คอยเป็นกำลังใจที่สำคัญให้ผมตลอดระยะเวลากว่า 51 ปีที่ครองชีวิตคู่ร่วมเดินทางบนเส้นทางชีวิตกับผมมาโดยตลอด" นายเจริญ กล่าว
นายเจริญ กล่าวต่อว่า ตนและคุณหญิงได้ร่วมกันสร้างครอบครัวให้มั่นคง เลี้ยงดูลูกๆ ทุกคนอย่างดีที่สุดโดยยึดหลักการเดียวกันกับที่คุณพ่อ คุณแม่ ของทั้งตน และคุณหญิง ทั้งนี้ คุณหญิงเองก็เข้าใจบริบททางสังคมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการให้ความสำคัญด้านการศึกษา ทำให้ลูกๆ ทุกคนเติบโตขึ้นด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตามแนวทางของแต่ละคน ดังนั้น ตนขอกล่าวว่า
“จะไม่มีทางได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เลย หากปราศจากซึ่งความร่วมแรงร่วมใจกันของบุคคลทุกท่านที่ผมกล่าวถึงนี้” นายเจริญ กล่าว
ขณะที่ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ตนขอขอบคุณทางคณะอนุกรรมาธิการด้านคุณธรรมจริยธรรมฯ ที่มอบรางวัลพ่อดีเด่นให้กับตนซึ่งตนขอมอบรางวัลนี้ให้เป็น “รางวัลของครอบครัว” เพราะหากไม่มีครอบครัวตนก็คงไม่ได้รับรางวัลนี้
สำหรับเคล็ดลับการดูแลกันในครอบครัว ตนจะเน้นสอนลูกอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.สอนลูกให้เป็นคนดี ผ่านการสอนและการกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องเพื่อปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องให้กับลูก
2.สอนให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ตนมักจะสอนลูกว่า ไม่จำเป็นต้องชนะหรือเก่งกว่าใคร เพียงแต่สอนให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยไม่มีแรงกดดันจากครอบครัว เรื่องความสุขเป็นนามธรรมที่ไม่มีมาตรวัดเช่นเดียวกับเรื่องการเป็นคนดี ดังนั้น ต้องอาศัยการปลูกฝังที่ต้องใช้เวลา ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ให้เขารู้จัก และแยกแยะสิ่งที่ดี และไม่ดีให้ได้ สอนให้รู้จักหิริโอตตัปปะ
“มาตรวัดความดีและความสุข เป็นเรื่องที่เขียนออกมาไม่ได้ แต่เป็นวิธีการดำรงชีวิตของเรา โดยที่ครอบครัวจะไม่สอนให้เขาต้องเป็นที่หนึ่ง หรือเอาชนะให้ได้ แต่ขอให้เป็นคนดี เรียนหนังสือดี มีจิตสำนึกที่ดี” นายวิทัย กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์