'ขนส่งโลก' ป่วน 13 สายเดินเรือเลี่ยงทะเลแดง
ทะเลแดงเดือด กลุ่มกบฏฮูตีในเยนโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงเขย่า”เศรษฐกิจโลก” เผย 13 บริษัทใหญ่ขนส่งสินค้าทะเล ยกเลิกเดินเรือผ่านเส้นทางทะเลแดง ดันค่าระวางพุ่งเท่าตัว “พาณิชย์”นัดถกสายเรือสัปดาห์หน้ารับมือสถานการณ์
ทะเลแดง เดือดหลังกลุ่มกบฏฮูตีในเยนโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงที่มุ่งสู่ท่าเรือของประเทศอิสราเอล และเดินเรือผ่านช่องแคบ Bab al-Mandab กลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ปลายปีที่เขย่าเศรษฐกิจโลกเนื่องจากทะเลแดงเป็นเส้นทางขนส่งที่สำคัญเพราะทะเลแดงเชื่อมกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโดยคลองสุเอซ ถือเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสั้นที่สุดระหว่างยุโรปกับเอเชีย Fโดยการขนส่งสินค้าราว 12% ของโลกผ่านเส้นทางคลองสุเอซ ซึ่งการโจมตีเรือในทะเลแดงของฮูตีทำให้เกิดความกังวลว่า มันจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก
การโจมตีเรือขนส่งสินค้าครั้งนี้จึงสร้างความกังวลไปทั่วโลกเพราะเส้นทางการเดินเรือสายนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก
มีการประเมินว่ากว่า 12% ของปริมาณการค้าโลกทั้งหมด รวมถึงกว่า 30% ของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งโลก ใช้ช่องทางผ่านคลองสุเอซซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลแดง
จากข้อมูลล่าสุด บริษัทขนส่งทางทะเล 13 บริษัทประกาศเลี่ยงเส้นทางทะเลแดง หันไปใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาแทน ได้แก่ ZIM / Maersk / MSC / OOCL / CMA CGM /Hapag-Lloyd /Yang Ming / HMM / ONE / EURONAV / WILHELMSEN /Evergreen / Wan Hai เพื่อลดความเสี่ยงในการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ทำให้ต้องเดินทางไกลขึ้น และค่าเบี้ยประกันสูงขึ้น บางบริษัทอาจขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น และผู้ที่ต้องรับเคราะห์ก็คือผู้บริโภค
ในส่วนของไทยที่ต้องส่งสินค้าออกไปยังยุโรปก็ใช้เส้นทางนี้ซึ่ง “ชัยชาญ เจริญสุข “ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ไทยส่งออกสินค้าไปยุโรป 8% ของการส่งออกทั้งหมด สินค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหาร ยางล้อรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยเพราะไทยส่งออกสินค้าไปยังยุโรปก่อหน้านี้แล้ว แต่หากว่าสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในเดือนม.ค.ปีหน้าพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ของการส่งออกไทยไปยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อไทยแต่กระทบไปกับการค้าทั่วโลก
อย่างไรก็ตามขณะนี้สัปดาห์ที่มีการโจมตีเรือขนส่งสินค้า สายเดินเรือได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม และค่าระวางเรือแล้วกว่า 1 เท่าตัว จากเดิม 1,000-1,500 ดอลลาร์ต่อตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุต มาอยู่ที่ 3,000-4,000 ดอลลาร์ต่อตู้ ซึ่งถือเป็นภาระของผู้ส่งออก เพราะในการขายสินค้า ได้คิดค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้แล้ว แต่พอมาเกิดการณ์เช่นนี้ ทำให้ผู้ส่งออกต้องรับภาระส่วนนี้ไว้เอง แม้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงโควิดที่ค่าระวางเรือเพิ่มขึ้น 7-10 เท่า แต่ก็ถือว่า เป็นการเพิ่มขึ้นมากภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ประชุมด่วนร่วมกับภาคเอกชน และทูตพาณิชย์ไทยในตะวันออกกลาง และยุโรป เพื่อติดตามสถานการณ์และผลกระทบการส่งออกสินค้าไทยเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยประเมินว่าในระยะสั้นไม่กระทบต่อการส่งออกไทยและไม่น่าจะยืดเยื้อยาวนาน เพราะประเทศใหญ่ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้า กระทรวงพาณิชย์ จะเชิญสายเดินเรือมาหารือ หากเหตุการณ์ยืดเยื้อ และจะต้องขึ้นค่าระวางเรือเพิ่ม
ทะเลแดง เป็นน่านน้ำที่คับคั่งไปด้วยเรือพาณิชย์ที่ลัดเลาะผ่านคลองสุเอซในการขนส่งสินค้าระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปเพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ร่นระยะเวลาเดินทางที่จะไปอ้อมเส้นทาง แหลมกู๊ดโฮป ซึ่งเชื่อมระหว่างยุโรปและเอเชีย 10-15 วัน และลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง หากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไป ไม่เป็นผลดีต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆทั้งปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยสูง เอลนีโญ ก็เท่ากับเป็นซ้ำเติมปัญหาเพิ่มขึ้นไปอีก